กนง. เคาะ 6 ต่อ 1 เสียง ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลทันที รับเศรษฐกิจฟื้น คาดประชุมนัด ก.ย. ปรับเพิ่มจีดีพี จ่อขึ้นดอกเบี้ยอีกแต่ไม่ถึง 0.50%

กนง. มีมติ 6 ต่อ 1 ขึ้นดอกเบี้ย – นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ที่ประชุม กนง. วันที่ 10 ส.ค. 2565 มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ต่อปี จาก 0.50% ต่อปี เป็น 0.75% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ มี 1 เสียง เห็นควรให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน คาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด- 19 ได้ภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายตัวต่อเนื่องในระยะต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการฯ ประเมินว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ เพื่อรองรับวิกฤตโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาจึงมีความจำเป็นลดลง

“กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ ส่วนกรรมการ 1 ท่านเห็นควรให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต โดยประเมินว่าจะไม่กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไปจากต้นทุนและค่าครองชีพที่สูงขึ้น” นายปิติ กล่าว

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้เดิม โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะทยอยปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566
“อัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากการส่งผ่านต้นทุนไปยังเงินเฟ้อพื้นฐานที่อาจมากและเร็วกว่าคาด คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการเงินเฟ้อและการส่งผ่านต้นทุน รวมถึงเงินเฟ้อคาดการณ์อย่างใกล้ชิด” นายปิติ กล่าว

นายปิติ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ โดยจะมีการปรับประมาณการในการประชุมครั้งหน้า แต่ตอนนี้เศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทำให้มีโอกาสปรับจีดีพีปีนี้ขึ้นบ้าง จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.3% แต่จีดีพีปีหน้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ซึ่งการที่เศรษฐกิจเข้าสู่ระดับปกติก่อนสิ้นปี เป็นสิ่งที่คาดไว้แล้วตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนๆ รวมถึงพัฒนาการเงินเฟ้อเป็นไปตามที่คาด ภาพเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นไปตามคาด เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่คาดเป็นไปตามที่มองไว้

นายปิติ กล่าวว่า การประชุม กนง.ในเดือนก.ย. หากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่มีปัจจัยรุนแรง การปรับดอกเบี้ยจะยังค่อยเป็นค่อยไป ไม่จำเป็นต้องปรับแบบแรง ไม่มีเหตุผลต้องเร่งปรับดอกเบี้ย ตามที่ตลาดมีการคาดการณ์ว่าครั้งต่อไปอาจมีการปรับดอกเบี้ยอีก 0.50%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า การพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยของ กนง. คงมีการพิจารณาและให้น้ำหนักในหลายมิติ ทั้งภาพรวมและระยะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเคลื่อนย้ายเงินทุน รวมถึงการเข้าไปช่วยทำให้เงินเฟ้อชะลอ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยมีการพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วให้มีการสื่อสารเรื่องนโยบายการเงินกับธนาคารพาณิชย์อย่างชัดเจน ส่วนกับสถาบันการเงินของรัฐนั้น กระทรวงการคลังจะทำหน้าที่ในการสื่อสารเอง ซึ่งเคยขอความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินของรัฐให้มีการตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานที่สุด เพื่อเป็นการแบ่งเบาและช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด อย่างน้อยถึงสิ้นปี 2565 เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการช่วยให้ลูกค้าเงินกู้ของธนาคารที่มีจำนวนเงินสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันมากกว่า 1.52 ล้านล้านบาท ได้มีเวลาปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ธนาคารพร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามตลาด

อย่างไรก็ดี หากในปี 2566 ธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.15-0.25% ต่อปี จะไม่ส่งผลให้ลูกค้าต้องผ่อนชำระเงินงวดเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารได้จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มี Buffer หรือการคำนวณเงินงวดผ่อนชำระเผื่อกรณีมีการปรับอัตราดอกเบี้ยไว้ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน