สนพ. เผยไทมไลน์แผนพลังงานแห่งชาติ จ่อ 5 แผนหลักแล้วเสร็จ ต.ค. นี้ ก่อนเปิดรับฟังความคิดเห็น และคาดกำหนดใช้ทันต้นปี 2566

เผยไทมไลน์แผนพลังงาน – นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวเสวนาพิเศษ “ผ่าแผนนโยบายพลังงานชาติฉบับใหม่กับเส้นทางเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยทั้ง 4 ด้าน ไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน” ในงาน “SETA 2022, Solar+Storage Asia 2022, Enlit Asia 2022” ว่า ปัจจุบันกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างหารือเพื่อจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติ รวมถึงแผนลูกทั้ง 5 แผน

ประกอบด้วย 1. แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) 2022 2. แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) 3. แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) 4. แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) และ 5. แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าทั้ง 5 แผน จะแล้วเสร็จภายในต.ค. 2565 นี้ และจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก่อนที่จะนำแผนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่ออนุมัติแผนภายในสิ้นปีนี้ และสามารถกำหนดใช้ได้ตั้งแต่ต้นปี 2566

การจัดทำแผนดังกล่าวมีความซับซ้อนมากขึ้นจากการจัดทำแผน PDP ฉบับที่ผ่านมา เนื่องจากในปัจจุบันจะต้องกำหนดโครงสร้างใหม่รวมถึงรูปแบบของพลังงานไฟฟ้าที่นำไปใส่ไว้ในแผนให้สามารถตอบสนองเทรนด์ที่กำลังเปลี่ยนไป ซึ่งในแผนดังกล่าวแหล่งที่มาของพลังงานไฟฟ้าจะไม่ใช่โรงงานขนาดใหญ่อีกต่อไป แต่จะมาจากแหล่งไฟฟ้าเล็กๆ ที่กระจายตัวมากขึ้น เนื่องจากในอนาคตประชาชนจะสามารถซื้อขายไฟฟ้ากันได้เอง ซึ่งข้อกำหนดในการจัดทำแผนพลังงานครั้งนี้ต้องคำนึงถึง 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่

1. ความมั่นคง ปัจจุบันที่การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นจำเป็นต้องมีแผนรองรับอย่างชัดเจน เพราะประชาชนจะมีรูปแบบการใช้ไฟเปลี่ยนแปลงไป ทั้งการชาร์จไฟฟ้าในช่วงกลางคืน หรือการเลือกใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้เอง และ 2. ราคาพลังงาน โดยต้องคำนึงถึงปริมาณของการเข้ามาผลิตไฟฟ้าของพลังงานสะอาดที่อาจจะกระทบกับราคาขายปลีกในอนาคตอันใกล้ ซึ่งในระยะเวลาของแผนพลังงาน 20 ปี กระทรวงพยายามจัดทำแผนให้สะท้อนราคาตามจริง และส่งผล กระทบน้อยที่สุด รวมถึงต้องคำนึงในด้านของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้เป็น Net Zero ด้วย

ด้านนายวัชรินทร์ บุญฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า ภาพรวมการใช้พลังงานของประเทศ 2 ส่วนหลักที่ใช้มากที่สุด คือภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง รองลงมาคือภาคธุรกิจ และภาคที่อยู่อาศัย การกำหนดแผนอนุรักษ์พลังงาน(EEP) ในแผนพลังงานชาติฯ ในสัดส่วน 30% เหมือนในอดีตอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งแผนใหม่นี้อาจต้องปรับเพิ่มขึ้นไปเป็น 30-40% รวมถึงเพิ่มสัดส่วนในการใช้พลังงานทดแทนเป็น 50% และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอยู่ที่ 40% รวมถึงแผนรองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มเติมด้วย

“การกำกับดูแลต้องแบ่งเป็นตามกฎหมาย โดยจะกำหนดใช้มาตรฐานการจัดการพลังงานในอาคารและโรงงาน ซึ่งในอนาคตหากใครจะก่อสร้างอาคารใหม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงานด้วย รวมถึงต้องมีมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมทั้งด้านการกำหนดมาตรฐานและสนับสนุนด้านการเงินผ่านกองทุนต่างๆ โดยยึดหลัก BCG model”นายวัชรินทร์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน