น.ส.ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท สุขุมวิทซิตี้มอลล์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลก โดยปัจจุบันกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทาง (เดสติเนชั่น) ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งเมื่อสถานการณ์ โควิด-19 เริ่มคลี่คลายในปี 2565 คาดว่านักท่องเที่ยวกลับมา 10 ล้านคน และประเมินว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมา 30-40 ล้านคน
หลังจากบริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างศูนย์การค้าสยามพารากอนให้เป็นปรากฏการณ์ค้าปลีกระดับโลก และล่าสุดบริษัทพร้อมแล้วที่จะทำให้โครงการ ดิ เอ็มดิสทริค สมบูรณ์แบบ และเพียบพร้อมของย่านธุรกิจ การค้า ศูนย์รวมแฟชั่นลักชัวรี่ ศิลปะ เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ลิฟวิ่ง และไดนิ่ง จาก แบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกและชั้นนำของไทยกว่า 1,000 แบรนด์
“ดิ เอ็มดิสทริค จะเป็นการผนึกกำลังของ 3 โครงการศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาส ประกอบด้วย ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และล่าสุดโครงการดิ เอ็มสเฟียร์ บนเนื้อที่รวม 50 ไร่ พื้นที่รวมทั้ง 3 โครงการกว่า 650,000 ตร.ม. บนทำเลใจกลางย่านสุขุมวิทที่เป็นใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง 3 ศูนย์ฯ จะเจาะกลุ่มลูกค้าต่างกัน โดยเอ็มควอเทียร์และ ดิ เอ็มโพเรียม จะเน้นจับฐานลูกค้าเก่าที่มีกำลังซื้อสูง ขณะที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ จะเน้นจับฐานคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ”
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิ เอ็มดิสทริค กล่าวว่า ดิ เอ็มสเฟียร์ ภายใต้งบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะมาเติมเต็มโครงการดิ เอ็มดิสทริค และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มาร่วมลงทุนในประเทศไทยอีกทางหนึ่ง ซึ่งคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในเดือนธ.ค. 2566
“ดิ เอ็มสเฟียร์ คือ จิ๊กซอว์ตัวล่าสุด ที่จะมาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับ ดิ เอ็มดิสทริค ภายใต้แนวคิด ฟิวเจอร์ รีเทล ที่รวบรวมเทรนด์ และไลฟ์สไตล์แห่งอนาคตบนพื้นที่ กว่า 200,000 ตร.ม.ที่ประกอบด้วยโซนต่างๆ อาทิ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก ไทยดีไซน์เนอร์ และแบรนด์เนมชั้นนำของไทย, ศูนย์รวมอินเตอร์เนชั่นแนล ฟู้ด มาร์เก็ตที่หลากหลายจากทั่วโลก ร่วมด้วยร้านอาหารชั้นนำมากมาย, แหล่งแฮงก์เอาต์แห่งใหม่ และอิเกีย ซิตี้ สโตร์ แห่งแรกของเมืองไทย และของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”