ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดตัวรายงานการวิเคราะห์รายได้ในชนบท-โอกาสและความท้าทายของเกษตรกร (Rural Income Diagnostic-Challenges and Opportunities for Rural Farmers) พบว่า ประเทศไทยมีความคืบหน้าในการลดความยากจนจาก 58% ในปี 2533 เป็น 6.8% ในปี 2563 โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อย่างไรก็ตาม 79% ของคนยากจนยังคงอยู่ในพื้นที่ชนบทและส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

รายงานวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า การลดความยากจนของประเทศไทยชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยความยากจนเพิ่มขึ้นในปี 2559 2561 และ 2563 สะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รายได้จากภาคการเกษตรและภาคธุรกิจที่ซบเซา และวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563 อัตราความยากจนในพื้นที่ชนบทสูงกว่าในเขตเมืองมากกว่า 3% และจำนวนคนจนในชนบทมีจำนวนมากกว่าคนจนในเมืองเกือบ 2.3 ล้านคน การกระจายความยากจนยังมีความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค โดยอัตราความยากจนในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงเป็นสองเท่าของอัตราความยากจนเฉลี่ยของประเทศ

“ประเทศไทยมีศักยภาพในการสนับสนุนครัวเรือนในชนบทให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและยั่งยืน” ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวและว่า “ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ (New normal) หลังการระบาดของโควิด มาตรการเชิงนโยบายที่เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การสนับสนุนการเพาะปลูกพืชผลที่มีความหลากหลายและมีมูลค่าสูง การปรับปรุงการเข้าถึงตลาดผ่านการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบทที่ดีขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะสามารถแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่คนยากจนในชนบทต้องเผชิญได้”

จากการศึกษาพบว่า การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อยู่ในเขตเมืองอย่างรุนแรง เนื่องมาจากมาตรการที่จำกัดการเคลื่อนย้าย การปิดกิจการ และการเลิกจ้างงาน อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในเมืองจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผลกระทบของวิกฤตที่มีต่อเศรษฐกิจในชนบทจะยังคงมีผลอยู่อย่างยาวนานขึ้น ผลกาารสำรวจทางโทรศัพท์เพื่อติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ของธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า 70% ของครัวเรือนในชนบทมีรายได้ลดลงตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563

การวิเคราะห์ยังพบว่า ในปี 2562 ประเทศไทยมีอัตราความไม่เท่าเทียมกันของรายได้สูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกด้วยค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini coefficient) ที่ 43.3% โดยครัวเรือนในชนบทมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 68% ของครัวเรือนในเขตเมือง หลายครัวเรือนในชนบทยังคงขาดการศึกษา มีผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจำนวนมาก และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก

นาเดีย เบลฮัจ ฮัสซีน เบลกิธ นักเศรษฐศาสตร์ความยากจนของธนาคารโลก กล่าวว่า “มาตรการด้านนโยบายที่มีความเชื่อมโยงหลากหลายมิติเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะ จะมีความสำคัญต่อการสนับสนุนครัวเรือนในชนบท เกษตรกรส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อยและขาดทักษะทางดิจิทัล อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรสูงอายุ ดังนั้น การสร้างทักษะให้เกษตรกรที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยังได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่อีกด้วย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน