เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก และการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวก ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ว่า กระทรวงได้เร่งแก้ปัญหาความแอแออัดของผู้โดยสารในพื้นที่ท่าอากาศยานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่ง ได้ตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการให้บริการและการอำนวยความสะดวก ผู้โดยสาร ให้กระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความคล่องตัวและให้บริการได้รวดเร็ว

สำหรับจุดตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีการประสานการทำงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. วิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณความต้องการการเดินทางและเที่ยวบินที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ให้การบริการเกิดความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้เดินทาง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีจำนวนเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อลดความแออัดของจำนวนผู้โดยสารในท่าอากาศยาน สำหรับพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีช่องตรวจอนุญาต ทั้งสิ้น 119 ช่องตรวจ สามารถให้บริการผู้โดยสารรวมทั้งหมดประมาณ 7,000 คนต่อชั่วโมง ขณะที่มีเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ จำนวน 32 เครื่อง

“ขณะเดียวกัน เพื่อลดความแออัดได้มอบหมายให้ ทอท. จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสารคนไทยที่ใช้พาสปอร์ตรูปแบบใหม่ จัดช่องทางเฉพาะเพื่อให้เกิดความคล่องตัว หากเจอปัญหาเครื่องสแกนอัตโนมัติไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ ส่วนเรื่องอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการตรวจสอบพาสปอร์ตไม่เพียงพอ ได้มอบหมายให้ ทอท. ดำเนินการจัดหาให้แล้วเสร็จภายให้ 15 วัน เพื่อรองรับผู้โดยสารช่วง ไฮซีซั่น” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน ดูและความพร้อม 29 ท่าอากาศยานทั่วประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวก และเกิดความปลอดภัยมากที่สุด

อีกทั้งได้ประชุมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้บริการผู้โดยสารขาข้าและขาออก รวมทั้งการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปค ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.นี้ ร่วมกับกรมท่าอากาศยาน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และท่าอากาศยานภายใต้การกำกับดูแลของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมดำเนินการเตรียมความพร้อมเรื่องหลุมจอดอากาศยานขนาดกลางและขนาดใหญ่ของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เตรียมความพร้อมหลุมจอดอากาศยาน เพื่อรองรับอากาศยานของคณะประมุขและผู้นำประเทศที่เดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปค จำนวน 120 หลุมจอด โดยสามารถให้อากาศยานของคณะฯ พักค้างคืนที่หลุมจอดฯ สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์ จำนวน 4 ลำ และสามารถจอดพักค้างคืนบนพื้นที่จอดอากาศยานเฉพาะ จำนวน 16 ลำ (รวมทั้งหมด จำนวน 20 ลำ)

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถบริหารจัดการได้โดยไม่กระทบต่อการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์อื่นๆ ในส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เตรียมความพร้อมหลุมจอดอากาศยาน จำนวน 101 หลุมจอด โดยสามารถให้อากาศยานของคณะฯ พักค้างคืนที่หลุมจอดฯ จำนวน 17 หลุมจอด

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ส่วนบริมาณผู้โดยสารปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ที่ 1-1.2 แสนคนต่อวัน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 8.7 หมื่นคน และเป็นผู้โดยสารในประเทศ 3 หมื่นคน ส่วนการคาดการณ์ผู้โดยสารในปี 2566 ผู้โดยสารจะกลับมาอยู่ที่ 200,000 คนต่อวัน และคาดว่าผู้โดยสาร จะกับมาอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันจีนเริ่มส่งสัญญาณกลับมาเปิดประเทศ ส่วนประเทศญี่ปุ่นได้มีการขอสล็อตเพิ่ม ซึ่งหน่อยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างพิจารณา

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) หนึ่งในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 นั้น ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2566 เพื่อรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่ ความคืบหน้าแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการออกแบบเพื่อจัดทำหนังสือจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบการปรับวงเงินก่อสร้างจาก 8,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบโครงการฯ วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ในเดือนมี.ค. 2566 เนื่องจากราคาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มและมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อาทิ เครื่องเช็กอินอัตโนมัติ เป็นต้น โดยคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนเม.ย. 2566 และก่อสร้างในช่วงปลายปี 2566 ใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน