นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2565 (ก.ย. 2564-ต.ค. 2565) กนอ. มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 2,016.24 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 65.1% ซึ่งเป็นไปตามที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นยอดขาย/เช่านิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 1,716.99 ไร่ และนอกพื้นที่อีอีซี 299.25 ไร่ มีการแจ้งเริ่มประกอบกิจการ และใบขออนุญาตส่วนขยาย 407 ราย เกิดการจ้างงาน 39,643 คน มูลค่าการลงทุนรวม 137,677.75 ล้านบาท

โดยการลงทุนจากต่างชาติเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความเชื่อมั่นในโครงการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่อีอีซี ซึ่งทั้ง 4 โครงการ มีความก้าวหน้าการก่อสร้างและส่งมอบพื้นที่โครงการต่อเนื่องชัดเจน รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้นักลงทุนตัดสินใจจอง/ซื้อ/เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน และนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง

โดยเฉพาะพื้นที่อีอีซี ที่คาดว่าเป็นผลของโครงการวีซ่าผู้พำนักระยะยาว (LTR Visa) ที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมีศักยภาพสูงด้านทักษะและความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีสมัยใหม่และผู้มีความมั่งคั่งเข้ามาลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลกำลังผลักดัน ทำให้ปีนี้มีเม็ดเงินลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น

นายวีริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2566 กนอ. ตั้งเป้ายอดขาย/เช่าพื้นที่ไว้ที่ 2,500 ไร่ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและปัจจัยบวกจากทิศทางเคลื่อนย้ายการลงทุนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ การแพร่ระบาดของโควิด-19 การเกิดสงครามยูเครน-รัสเซีย และล่าสุดการปฏิรูปการเมืองในประเทศจีน ทำให้หลายอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่จัดระบบการผลิตครั้งใหญ่ ซึ่งไทยมีความได้เปรียบหลายส่วน ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกหลายบริษัทสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย

ปัจจุบัน กนอ. มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 182,273 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง ประมาณ 37,724 ไร่ และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ประมาณ 144,549 ไร่ มีพื้นที่ขายและให้เช่า ประมาณ 119,307 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่าแล้ว ประมาณ 94,043 ไร่ และมีพื้นที่คงเหลือสำหรับขาย/ให้เช่าอีกประมาณ 25,264 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนสะสม ประมาณ 5.59 ล้านล้านบาท มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 4,864 โรง และมีการจ้างงานรวมทั้งสิ้น ประมาณ 926,262 คน

กลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. กิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรม 22.6% 2. อุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง 11.06% 3. อุตสาหกรรมเหล็ก และผลิตภัณฑ์โลหะ 9.33% 4. อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม 8.85% และ 5. อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักร และอะไหล่ 8.36% ซึ่งนักลงทุนจากญี่ปุ่นครองแชมป์สนใจลงทุนมากเป็นอันดับ 1 ถึง 31.25% รองลงมา คือ นักลงทุนจากจีน 18.75% และนักลงทุนจากอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ อินเดีย และมาเลเซีย 6.25% ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนิคมอุตสาหกรรมที่กนอ. ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 67 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง ใน 16 จังหวัด เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่กนอ. ดำเนินการเอง 15 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน 52 แห่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน