ข้าวไทยเสียแชมป์ โดนข้าวกัมพูชาโค่น แพ้หวิวแต้มเดียว เผยสาเหตุพ่าย

ข้าวไทยเสียแชมป์ โดนข้าวกัมพูชาโค่นหวิว แพ้แต้มเดียว เผยสาเหตุที่พ่าย หอมน้อยกว่า วอนภาครัฐเร่งสนับสนุน เพื่อนบ้านทุนเพียบ แซงหน้าเราหมดแล้ว

วันที่ 22 พ.ย.2565 นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลกประจำ ปี 2565 (The World’s Best Rice 2022) ซึ่งจัดขึ้นในระหว่าง การประชุมข้าวโลกครั้งที่ 14 (14th World Rice Conference) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตระหว่างวันที่ 15-17 พ.ย.ว่า ปีนี้ข้าวหอมมะลิผกาลำดวน จากกัมพูชา ได้รางวัลชนะเลิศ โดยข้าวหอมมะลิจากภาคอีสานของไทยได้ที่ 2 แพ้ไป1คะแนนเท่านั้น

จากการสอบถามกรรมการผู้ตัดสินถึงเหตุผลที่ทำให้ข้าวจากไทยแพ้พบว่าเป็นเพราะข้าวไทยหอมน้อยกว่าข้าวกัมพูชา ส่วนความอร่อย ความนุ่ม และลักษณะความสวยทางกายภาพนั้นมีคะแนนที่เท่ากัน

ปีนี้มีประเทศต่างๆ ส่งข้าวเข้าประกวดมากรวม 25 ตัวอย่าง มากกว่าปีก่อนๆ อยู่ที่ประมาณ 7-8 ตัวอย่าง อาทิ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ลาว อินเดีย ปากีสถาน จีน และสหรัฐอเมริกา กรรมการบอกว่าจำเป็นต้องให้ข้าวกัมพูชาชนะ เพราะข้าวไทยเวลาที่หุงไม่มีกลิ่นหอมเลย

ขณะที่ข้าวจากกัมพูชากลิ่นหอมมากตอนหุง หุงเป็นข้าวสวยแล้วก็หอมกว่าข้าวจากไทย ตนสันนิฐานว่าสาเหตุที่ทำให้ปีนี้ข้าวไทยหอมน้อยลง เพราะปีนี้มีฝนตกมาก น้ำเยอะอาจทำให้ตัวอโรม่าของข้าวไทยทำงานไม่เต็มที่ทำให้ไม่ค่อยมีกลิ่น รวมทั้งยังอาจเกิดจากมีการใช้ปุ๋ยเคมีมาก ขณะที่ขบวนการเก็บเกี่ยวอาจจะไม่ดีพอทำให้เกิดการการตกค้างพันธุ์ข้าวอื่นๆ เข้ามาปลอมปนในแปลงนา และทำให้ข้าวหอมกลายพันธุ์ได้

นายชูเกียรติกล่าวว่าความพ่ายแพ้ข้าวไทยครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยต้องเร่งทบทวนขบวนการในการพัฒนาข้าว โดยภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ให้มากกว่านี้ เพราะปัจจุบันรัฐบาลไทยสนับสนุนงบวิจัยข้าวปีละประมาณ 100 ล้านบาท แต่มีการนำงบประมาณส่วนใหญ่ปีละแสนล้านบาทไปใช้ในโครงการการประกันรายได้ข้าวเพื่อแลกกันคะแนนเสียงซึ่งเป็นนโยบายที่ฉาบฉวยไม่ใช่การพัฒนาข้าวในระยะยาว ขณะที่คู่แข่งอย่างเวียดนามทุ่มงบปีละ 3-4พันล้านบาท เพื่อต่อยอดข้าวซึ่งปัจจุบันพัฒนาแซงหน้าไทยไปแล้ว

สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวปีนี้ คาดว่าจะส่งออกได้ราว7.6-7.7 ล้านตันน้อยกว่าคาดการณ์ที่ 8 ล้านตัน เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการฝนตกทำให้การขนส่งล่าช้ารวมทั้งยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคการส่งออกข้าวด้วย

โดยราคาข้าวไทยจะเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 400-450 เหรียญสหรัฐต่อตันไม่สูงไปกว่านี้ ส่วนปี2566คาดว่าจะส่งออกได้ถึง8ล้านตัน เนื่องจากไทยมีผลผลิตที่เพียงพอต่อการส่งออก ขณะที่ราคาส่งออกสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ รวมทั้งรัฐบาลได้ทำการเปิดตลาดส่งออกไว้แล้ว