วันที่ 9 ก.พ. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และติดตามข้อสั่งการการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารภายหลังจีนเปิดประเทศ และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ว่า ภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ซึ่งจากข้อมูลปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของ ทอท. (ตั้งแต่วันที่ 8-31 ม.ค. 2566) ทอท. มีเที่ยวบินในภาพรวม จำนวน 43,300 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 1,800 เที่ยวบินต่อวัน และผู้โดยสารในภาพรวม 6.89 ล้านคน หรือเฉลี่ย 287,000 คนต่อวัน โดยเป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 25,690 เที่ยวบิน และผู้โดยสารจำนวน 4.3 ล้านคน

ซึ่ง ทอท. มีเป็นเที่ยวบินเส้นทางจากจีน จำนวน 2,000 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 80 เที่ยวบินต่อวัน โดยมีผู้โดยสาร จำนวน 255,000 คน หรือเฉลี่ย 11,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 1,126 เที่ยวบิน และผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก จำนวน 238,374 คน

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ พบว่าในเดือน.ค. 2566 มีปริมาณเที่ยวบิน เฉลี่ย 829 เที่ยวบินต่อวัน ฟื้นตัว 84% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 561 เที่ยวบินต่อวัน ฟื้นตัว 139% และเที่ยวบินภายในประเทศ 268 เที่ยวบินต่อวัน ฟื้นตัว 24% และมีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออก เฉลี่ย 138,287 คนต่อวัน ฟื้นตัว 317% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 101,551 คนต่อวัน ฟื้นตัว 981% และผู้โดยสารภายในประเทศ 36,736 คนต่อวัน ฟื้นตัว 55% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า จากการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการภาคพื้นทั้ง 2 ราย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์เซอร์วิส จำกัด (บีเอฟเอส) ที่ใช้เวลามากกว่า 30 นาที เมื่อเดือนธ.ค. 2565 ซึ่งมีประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 15 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งจะเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ

โดยการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนนั้น บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 ราย มีการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ รวมทั้ง ทอท. ได้ขยายระยะเวลาให้บางสายการบินบริการภาคพื้นด้วยตนเอง เป็นการชั่วคราว สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทอท. อยู่ระหว่างการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนการจัดระเบียบพื้นที่จุดนัดพบของบริษัทท่องเที่ยว (กรุ๊ปทัวร์) ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันมีการเดินทางเป็นหมู่คณะเพิ่มขึ้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่สำหรับกรุ๊ปทัวร์ตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. 2565 เพื่อเป็นการลดความแออัดบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน ไม่ให้กีดขวางทางเดินผู้โดยสาร โดยจัดพื้นที่รองรับกรุ๊ปทัวร์ขาออกโดยเฉพาะไว้ที่บริเวณชั้น 4 ประตู 10 ซึ่งจากการดำเนินการมาประมาณ 1 เดือนกว่า บริษัทท่องเที่ยวให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามแนวทาง การจัดระเบียบพื้นที่เป็นอย่างดี

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์จากนักท่องเที่ยวว่าจุดทำ VISA ON ARRIVAL (VOA) มีการเรียกเก็บค่าบริการนั้น กระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบข้อมูลจาก ทอท. และผู้แทนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 พบว่า ไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าว โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะเรียกเก็บเพียงค่าธรรมเนียมการขอรับตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง ตามกฎหมายเท่านั้น รวมไปถึงการให้บริการช่องทาง Fast Track VISA ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้ง 10 ประเภท ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน