นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า แม็คโครเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างธุรกิจ O2O (ออนไลน์ทูออฟไลน์) หรือ ออมนิแชนแนล ซึ่งเป็นช่องทางการขายออนไลน์เชื่อมต่อออฟไลน์ (หน้าร้านสาขา) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มแบบครบวงจร และไร้รอยต่อ มาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัว แม็คโคร โปร (Makro PRO) แอพพลิเคชั่น ที่จะสามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และลูกค้ารุ่นใหม่ได้ครบวงจรมากขึ้นในแอพพลิเคชั่นเดียว

“แม็คโคร ตั้งเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในช่องทางขายออมนิแชนแนล ที่จะเชื่อมต่อทุกช่องทางการซื้อขาย เพราะต้องยอมรับว่าในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แม้ว่าอีคอมเมิร์ซในไทย จะมีสัดส่วนแค่ 2% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่มองว่ายังมีโอกาสอีกมาก โดยแม็คโครได้เริ่มพัฒนาช่องทางออมนิแชนแนลมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งตอนนี้แม็คโคร มีสัดส่วนช่องทางออมนิแชนแนล เป็นตัวเลข 2 หลัก และยังถือว่าเป็นการเริ่มต้น โดยยังพัฒนาต่อได้อีกเป็น แม็คโคร โปร แอพฯ”

แม็คโครได้เริ่มลงทุนเพิ่มในการพัฒนาออมนิแชนแนลมาตั้งแต่ปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายจะเติบโต 88% ในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะมีลูกค้าดาวน์โหลด และลูกค้าใหม่ 1 ล้านรายในแม็คโคร โปร โดยการทำตลาดได้พรีเซ็นเตอร์คนแรก “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” สร้างการรับรู้ผ่านสื่อต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนแอพฯ เดิม อย่าง maknet จะไม่มีแล้ว ซึ่งลูกค้าในแอพฯ เดิมจะถูกย้ายมาแอพฯ แม็คโคร โปร โดยแอพฯ สามารถใช้ได้ ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าทั่วไป ซึ่งปกติลูกค้าแม็คโครสัดส่วน 70% เป็นผู้ประกอบการ และ 30% เป็นลูกค้าทั่วไป จากสมาชิกแม็คโคร 4.5 ล้านคน

สำหรับแผนการเปิดสาขาใหม่ในปีนี้เพิ่ม 10-12 สาขา ซึ่งเน้นขนาด 4,000 ตร.ม. ที่ใช้งบลงทุน 200-300 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนที่ยังเปิดสาขา เพราะต้องการให้ร้านสาขาเติบโตคู่กับออนไลน์ ทำสาขาให้เป็นออมนิแชนแนล ที่สาขาเป็นศูนย์ส่งสินค้าให้ลูกค้า จากปัจจุบันมี 152 สาขา ใน 66 จังหวัด สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ แม็คโครต้องการเติบโตต่อเนื่องในระยะ 1-2 ปีนี้ จากผลประกอบการในปี 2565 ที่เติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน