สูงสุดรอบ 10 ปี! พาณิชย์ ปลื้มยอดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค.66 พุ่ง 111% ดันมูลค่าจดทะเบียนทะลุ 2 หมื่นล้าน รับเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เผย 3 อันดับแรก ก่อสร้าง-อสังหา-ภัตตาคาร

วันที่ 24 ก.พ.2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงยอดการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนม.ค. 2566ว่า มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 8,466 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 111% หรือเพิ่มขึ้น 4,458ราย และ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.2% หรือเพิ่มขึ้น 494 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 20,847 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1.7% และ ลดลงช่วงเดียวกันของปีก่อน 28% ธุรกิจตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ และภัตตาคาร ร้านอาหาร

ส่วนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจมีจำนวน 1,297 ราย ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 78%หรือลดลง 4487 ราย แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 30%หรือเพิ่มขึ้น 298 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิก 4,268.20 ล้านบาท ลดลงจากจากเดือนก่อนหน้า81% และเพิ่มขึ้นจากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน74% ธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 ม.ค.2566 มีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น 857,511 ราย มูลค่าทุน 21.36 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ยอดจัดตั้งธุรกิจเดือนม.ค. 2566 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี ธุรกิจตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ และภัตตาคาร ร้านอาหาร มีสัดส่วนรวม 19.2% ของธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั้งหมด โดยทั้ง 3 ธุรกิจ มีภาพรวมการจดทะเบียนจัดตั้งเพิ่มขึ้นกว่า 11.6%

เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในภาพรวมที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับนโยบายการท่องเที่ยวต่างประเทศของประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวของไทย

รวมทั้งสถานการณ์ในภาคการผลิตที่มีการผ่อนคลายลงด้านปัจจัยการผลิต เป็นผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น เห็นได้จาก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดการณ์ว่าการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ 4-4.2 หมื่นราย และตลอดทั้งปีนี้ จะอยู่ที่ 7.2-7.7หมื่นราย

นายจุรินทร์ กล่าวถึงการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวประจำเดือนม.ค. 2566ว่า มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 52 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 30 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท ลดลง 69% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และลดลง 47% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 410 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 6 ราย เงินลงทุน 9 ล้านบาท ตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน