นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงวิกฤตการเงินในสหรัฐอเมริกา จากกรณีสัปดาห์ก่อนธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ประสบปัญหาล้มละลายว่าในระยะสั้นจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย จากเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น จากกรณีนักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนเข้ามายังประเทศไทยเพื่อลดความเสี่ยง โดยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2566 เงินบาทแข็งค่า ปิดอยู่ที่ระดับ 34.56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่วันที่ 10 มี.ค. 2566 อยู่ที่ระดับ 35.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาสินค้าส่งออกไทยแพงขึ้นในมุมมองของคู่ค้า แต่ในมุมการนำเข้าจะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะการนำเข้าพลังงาน

“ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าไทย จะต้องจับตาสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่ากรณีนี้จะส่งผลต่อเนื่องไปยังตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐหรือไม่ หากระทบจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ที่มีสัดส่วนประมาณ 16% ของมูลการส่งออกภาพรวม โดยในปี 2565 ไทยมีมูลค่ารวม 287,067 ล้านเหรียญสหรัฐ”

ส่วนตลาดทุนไทยปัจจุบันได้รับผลกระทบ โดย SET Index ปรับตัวลดลงราวๆ 80 จุด หรือคิดเป็น -5.4% ภายใน 2 วันทำการ แต่คาดว่าจะไม่รุนแรงเหมือน Subprime Crisis ในปี 2551 ที่ส่งผลเป็นวงกว้างต่อทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน และภาคเศรษฐกิจจริง โดยมีสาเหตุจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของหลายประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐสูง รวมถึงไทย

อย่างไรก็ตาม วิกฤต SVB เป็นปัญหาเฉพาะตัว ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าเงินฝากที่ไม่มีหลักประกัน ต่างจากธนาคารส่วนใหญ่ในสหรัฐ จึงมีผลกระทบในวงจำกัด กระทบเพียงระยะสั้นเชิงจิตวิทยาต่อผู้ลงทุน ทำให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนกลับมาถือเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงและรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ยังไม่กระทบภาคธนาคารไทย เนื่องจากยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการกำกับดูแลที่ดีจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน