นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ฝ่ายนโยบายและแผนของ ททท. ประเมินผลคาดการณ์รายได้ปี 2566 ใหม่ว่าทั้งปีจะสามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.167 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8.9% จากเป้าหมายที่วางไว้ 2.38 ล้านล้านบาท ซึ่งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมาย สำหรับปัจจัยที่ทำให้รายได้ไม่ถึงเป้าเพราะส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวระยะใกล้ รวมถึงสถานการณ์การบินที่ยังไม่กลับมาปกติ มีจำนวนเที่ยวบินน้อยกว่าก่อนโควิด-19 อย่างมาก

ดังนั้นการท่องเที่ยวจึงมีข้อจำกัดในการกลับมาของนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เหมือนเดิม แต่เมื่อดูลึกลงไป จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา 11 ล้านคนในปี 2565 สร้างรายได้ได้เกือบครึ่งหนึ่งของปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 40 ล้านคน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบในตอนนั้นต้องใช้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 20 ล้านคน จึงจะได้รายได้จำนวนนี้ แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงขึ้น

ทั้งนี้ ไม่อยากโทษจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไม่เยอะตามคาด เพราะประเด็นหลักอยู่ที่สถานการณ์การบินยังไม่กลับมา ซึ่งต้องมาดูว่าเป้าหมายที่หลุดนั้นมากน้อยเท่าใด และเพราะเหตุผลอะไรรายได้ถึงไม่ได้ตามเป้า ดังนั้นปี 2567 ต้องเอาประสบการณ์ ปีที่ผ่านมาบริหารความเสี่ยง ปีหน้าหลายฝ่ายมองว่าดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน ขณะเดียวกันส่งออกที่มีแนวโน้มจะติดลบ โดยทุกฝ่ายต่างมองเครื่องยนต์ที่จะเป็นตัวดึงรายได้เข้าประเทศคือ การท่องเที่ยว ดังนั้น ททท. ต้องไปให้ถึงเป้าภายใต้การบริหารความเสี่ยงดังกล่าว

“เช่นรู้อยู่แล้วว่าหารายได้ ได้ 70% พอถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกคนก็แฮปปี้ แต่ ททท. ตั้งเป้าสูงเพื่อให้ไปให้ถึง เราจะตั้งเป้าไว้ 100% สมมติได้แค่ 90% ถึงจะหลุดเป้าแต่ 90% ก็มากกว่า 70% ซึ่งการตั้งเป้าไว้สูงเพื่อที่จะได้ทุ่มเทสรรพกำลัง บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อไปให้ถึง เพราะททท. มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19”

อย่างไรก็ตาม ในปี 25667 ททท. ยังตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 100% ของปี 2562 คือ ภาคท่องเที่ยวจะกลับมามีรายได้ 3 ล้านล้านบาทอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน