นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ระหว่าง ม.ค.-มิ.ย. ว่า มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 300,005 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 3.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

แบ่งเป็น เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 86,802 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 8.93% และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 213,203 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 1.82% โดยมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 82%
ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพและคุ้มครองโรคร้ายแรง ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 6.34% คิดเป็นสัดส่วน 18.01% รวมถึงแบบประกันบำนาญ ที่โตเพิ่มขึ้น 12.84% คิดเป็นสัดส่วน 1.71% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสังคมสูงวัย ขณะที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit- Linked +Universal Life) เติบโตลดลง 13.24% จากความผันผวนของภาวะเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อประกัน

นายสาระ เปิดเผยถึงแนวโน้มประกันชีวิตในครึ่งปีหลังปี 2566 ว่า ยังเติบโตดี เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการท่องเที่ยวขยายตัวดี รวมทั้งคนเริ่มทำประกันสุขภาพ และคุ้มครองโรคร้ายมากขึ้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าอัตราเติบโตเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งปีนี้จะขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์เดิมโดยจะเติบโตได้ถึง 2% คิดเป็นเบี้ยรวม 623,500 ล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 0-2% โดยอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 81-82%

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปัจจัยท้าทายต่างๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ ความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่แน่นอน และเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลต่อระดับอัตราดอกเบี้ย (Yield Curve) และสงครามระหว่างประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน