นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนก.ค. 2566 ว่า เท่ากับ 107.82 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 0.38% ปรับสูงขึ้นจากเดือนมิ.ย. 2566 ซึ่งอยู่ที่ 0.23%
ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.49% อาทิ ผักและผลไม้สด ไข่ ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็ม ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง นมข้นหวาน รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปราคาสูงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.38% จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
สำหรับอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. 2566 เทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลง 0.01% ตามราคาสินค้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) ปี 2566 สูงขึ้น 2.19% ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กำหนด 1.0-3.0%
“เงินเฟ้อก.ค. ที่สูงขึ้น 0.38% ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา เพราะเนื้อสุกร และเครื่องประกอบอาหาร ราคาลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงราคาลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5”
นายพูนพงษ์ กล่าวถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ เดือนส.ค. 2566 ว่า มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยในกรอบแคบๆ ต่ำกว่า 1% ส่วนแนวโน้มอีก 5 เดือนที่เหลือคาดว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่า 1% เช่นกัน ทำให้กระทรวงพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อทั้งปี ที่ 1-2% หรือ ค่ากลาง 1.5% ภายใต้สมมติฐาน จีดีพีขยายตัว 2.7-3.7% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยูที่ 71-81 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระหว่าง 33.5-35 บาท/เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้ออาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์ คือสถานการณ์ภัยแล้งอาจทำให้ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดน้อยและส่งผลกระทบต่อราคา รวมทั้งราคาอาหารสำเร็จรูปที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มขยายตัว จากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่มีความตึงเครียดมากขึ้น โดยหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงกระทรวงพาณิชย์จะมีการพิจารณาทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้ออีกครั้งในเดือนก.ย.2566
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทีนบอัตราเงินเฟ้อของไทยกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมิ.ย. 2566 พบว่า อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยอยู่ที่ 0.23% อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข คือลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม)