นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผย กนอ. ได้ประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก หลังกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนปรากฏการณ์เอลนิโญช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคเศรษฐกิจของไทย ซึ่งจากรายงานสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2566 พบว่าอ่างเก็บน้ำหลัก 3 อ่าง ในพื้นที่ จ.ระยอง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่มีปริมาณน้ำรวมอยู่ที่ 164.94 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 59.92% เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดแล้ว ยังสามารถบริหารจัดการได้แบบไม่สะดุด เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างมีเพียงพอ

นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมามีฝนตกบ่อยครั้ง ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นด้วย แต่ กนอ. ยังคงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย. 2566 ต่อไป หากยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี 2 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำบางพระ และอ่างเก็บน้ำหนองค้อมีปริมาณน้ำรวม 58.58 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 42.33%

ขณะที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีปริมาณการใช้น้ำต่อวันอยู่ที่ประมาณ 100,000-125,000 ลบ.ม. คาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำตลอดทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 84.0 ล้านลบ.ม. มีการใช้น้ำดิบจากหลายๆ แหล่ง ได้แก่ แหล่งน้ำของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์, สระพักน้ำของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, แหล่งน้ำจากคลองน้ำหู-ทับมา และแหล่งน้ำจากบริษัท วาย.เอส เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด (YSSP)

“กนอ. จัดหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อเตรียมไว้สำหรับใช้ในนิคมอุตสาหกรรม โดยหารือร่วมกับภาคเอกชน วางแผนรับมือภัยแล้งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย ยืนยันว่า กนอ. ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดแน่นอน เพราะเราหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งไว้แล้ว ซึ่งปีนี้สถานการณ์น้ำแล้งไม่รุนแรง ยังมีฝนตกหลายพื้นที่ ส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำหลักยังเพียงพอต่อการใช้ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะสามารถใช้ได้จนถึงช่วงกลางปีหน้า”

โดยแหล่งน้ำหลักที่ได้รับการจัดสรรจากกรมชลประทาน ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ รวมถึงแหล่งน้ำที่สูบใช้ได้ในแต่ละปี มีปริมาณน้ำต้นทุนเป็นปริมาณน้ำท่าตามฤดูกาล ได้แก่ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำระยอง คลองทับมา และแหล่งน้ำเอกชน ทั้งยังมีแหล่งน้ำสำรองเพื่อใช้ในกรณีน้ำในแหล่งน้ำมีน้อยและเกิดการขาดแคลนน้ำ ได้แก่ สระสำรองน้ำดิบสำนักบก สระสำรองน้ำดิบฉะเชิงเทรา และสระสำรองน้ำดิบทับมาด้วย

ส่วนข้อกังวลต่อการเปลี่ยนผ่านผู้ให้บริการจ่ายน้ำดิบจาก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เป็น บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง ที่จนถึงขณะนี้การวางท่อส่งจ่ายน้ำดิบในพื้นที่ทับซ้อนยังคงไม่แล้วเสร็จนั้น มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างแน่นอน โดย กนอ. มีการสำรองน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ไว้แล้ว

ขณะเดียวกันได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำดิบกับบริษัท วาย. เอส. เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการน้ำในภาคอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งน้ำที่ทางบริษัทจัดหานั้น ได้มาจากแหล่งน้ำแห่งใหม่ คือ คลองทับมา จึงไม่ใช่การแย่งน้ำจากภาคการเกษตร หรือการท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นการดึงน้ำจากจุดที่น้ำเหลือใช้ก่อนไหลลงทะเล และแน่นอนว่าในขั้นตอนการขออนุญาตใช้น้ำจากกรมเจ้าท่านั้น ได้มีการกำหนดเงื่อนไขไว้อยู่แล้วว่า จะต้องไม่กระทบกับชุมชน และระบบนิเวศวิทยา ก่อนที่จะอนุญาตให้ใช้น้ำดังกล่าวได้








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน