นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต ได้เสนอเฉพาะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.-31 ธ.ค. 2566 และยังไม่มีการเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน
ส่วนจะลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่หน้าสถานีบริการน้ำมันในอัตราเท่าใดนั้น คาดว่ากระทรวงพลังงานจะเป็นผู้พิจารณา เพราะยังมีการดูแลราคาผ่านกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าการลดภาษีน้ำมันดีเซลจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมในปี 2567 ราว 1.5 หมื่นล้านบาท โดยกรมสรรพสามิต เตรียมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อทบทวนเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ในปีงบประมาณ 2567 ใหม่ หลังจากเว้นการจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวว่า การลดภาษีน้ำมันดีเซล จะไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลมากนัก โดยในปีงบประมาณ 2566 มีการจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการแล้ว 1 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รายได้พิเศษเพิ่มมาประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ การเก็บภาษีที่เกินเป้าส่วนหนึ่งยังมาจากเศรษฐกิจในปีนี้ที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ประกอบด้วย รายได้ 2,787,000 ล้านบาท เป็นรายจ่าย 3,480,000 ล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 693,000 ล้านบาท เป็นวงเงินที่มาจากประมาณการรายได้ที่เพิ่มขึ้น 30,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ และคาดการณ์รายได้ดังกล่าว ยังไม่รวมผลจากมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาท ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการใช้จ่าย ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ที่ขยายตัวตามไปด้วย

สำหรับผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565-ก.ค. 2566) อยู่ที่ 2,148,820 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 150,899 ล้านบาท หรือ 7.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.2%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน