นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ภาพรวมของรายได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยมีรายได้จากการให้บริการ จำนวน 4,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จำนวน 443 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12% มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 970 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จำนวน 107 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12% เช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของงวด 9 เดือนปี 2566 ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของบริษัทฯ อย่างชัดเจน ด้วยกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท มีจำนวนถึง 2,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 787 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43%

นายสมบัติ กล่าวว่า ในไตรมาส 3 รายได้ธุรกิจทั้ง 3 ส่วนของบริษัท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจทางพิเศษ จำนวน 2,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา 106 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนทุกสายทาง โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วน ในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.11 ล้านเที่ยวต่อวัน โดยเฉพาะทางพิเศษศรีรัชส่วนบีและส่วนดี เนื่องจากเป็นสายทางที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้มีการเติบโตที่สูงกว่าสายทางอื่น เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวกลับมา รวมถึงทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (ทางพิเศษประจิมรัถยา) ยังคงมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

นายสมบัติ กล่าวอีกว่า รายได้จากธุรกิจระบบราง หรือรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที มีจำนวน 1,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 243 ล้านบาท โดยผู้ใช้บริการในไตรมาสนี้เฉลี่ยทุกประเภทวันอยู่ที่ 410,590 เที่ยวต่อวัน โดยในวันที่ 25 ส.ค. 2566 เป็นวันที่มีจำนวนผู้โดยสารสูงที่สุดจำนวน 526,900 เที่ยว ในส่วนของรายได้รับจ้างเดินรถโครงการสายสีม่วงเพิ่มขึ้น 57 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน

ขณะที่ รายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จำนวน 37 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้การให้เช่าพื้นที่สื่อโฆษณาและให้เช่าพื้นที่ร้านค้าปลีกในเมโทรมอลล์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน