นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่าปี 2567 โออาร์เตรียมงบลงทุนประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท จากงบประมาณ 5 ปี ที่วางไว้ 67,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ ประมาณ 12% จะใช้สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศคิดเป็นเงิน 8,007 ล้านบาท โดยเน้นการขยายสถานีบริการพีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีศักยภาพ เชื่อว่าปี 2567 จะเป็นปีที่ดีของธุรกิจประเมินว่ายอดขายน้ำมันยังเติบโตตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศ ซึ่งตามปกติแล้วยอดขายน้ำมันจะเติบโตสูงกว่าจีดีพีประมาณ 1% ซึ่งปี 2566 มีการประมาณการว่าจีดีพีจะเติบโตประมาณ 2.8-2.9% ทำให้ยอดขายน้ำมันปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 4% ตามทิศทางจีดีพีของประเทศ
โดยโออาร์ยังคงยึดนโยบายรัฐดูแลค่าการตลาดเฉลี่ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมประมาณ 2 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเห็นว่าจากผลการดำเนินงานของ โออาร์ ในรอบ 9 เดือนของปีนี้ มีกำไร อยู่ที่ระดับ 10,900 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย อยู่ที่ระดับกว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกำไรไม่ถึง 2% แต่ขณะเดียวกันจะเห็นว่า ธุรกิจไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วนกำไรมากถึง 25-30% ซึ่งโออาร์ ก็ยังต้องดำเนินธุรกิจรักษาแชมป์ผู้ค้าน้ำมันเบอร์ 1 ไว้เพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันให้กับประเทศ พร้อมดูแลผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
“ค่าการตลาดที่ได้ประมาณ 2 บาทต่อลิตร จะเป็นในส่วนของดีลเลอร์ ประมาณ 1 บาทต่อลิตร และอีกประมาณ 1 บาทต่อลิตร เป็นค่าบริหารจัดการของโออาร์ และเก็บไว้ลงทุน ซึ่งโออาร์พร้อมให้ตรวจสอบข้อมูล ไม่บิดเบือน เราเป็นองค์กรที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เช่น ผู้ถือหุ้น สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุนในหุ้นด้วย”
นอกจากนี้ โออาร์ ยังเตรียมพร้อมเก็บสำรองน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป ระดับ 5 (ยูโร 5) ที่ภาครัฐกำหนดนโยบายให้น้ำมันที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องขยับจากมาตรฐาน ยูโร 4 เป็น ยูโร 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เนื้อน้ำมันที่จำหน่ายมีปริมาณกำมะถันลดลงมาใกล้เคียงมาตรฐานยุโรป จาก 50 ppm เหลือ 10 ppm และโรงกลั่นฯ ในกลุ่มปตท. ก็ถือว่า มีสัดส่วนกำลังการผลิตน้ำมันในปริมาณมากของประเทศที่จะได้มีส่วนร่วมดูแลลดปัญหามลพิษลง
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจ โออาร์มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่โออาร์ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ที่เป็นบ้านหลังที่ 2 ด้วยการเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงแสวงหาโอกาสร่วมกับพันธมิตรทั้งจากประเทศไทยและพันธมิตรในพื้นที่ และการขยายธุรกิจไปในประเทศใหม่ๆ