นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.ต่ออายุมาตรการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มโอนขาย คริปโทเคอร์เรนซี-โทเคนดิจิทัล ที่กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ว่า การยกเว้นภาษีดังกล่าว ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 70 ล้านบาท แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับจะเป็นการสนับเศรษฐกิจดิจิทัล จะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้มากขึ้น จูงใจให้ภาคเอกชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศลงทุนในด้านสินทรัพย์ดิจิทัลให้เพิ่มมากขึ้น

“เม็ดเงิน 70 ล้านที่รัฐสูญเสียไป ถือว่าเป็นเม็ดเงินที่ต่ำมาก หลักคิดไม่เก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลคล้ายกับการไม่เก็บขายหุ้น แคปปิตอลเกน ก็เพื่อเป็นแรงจุงใจให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยน เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐิกจให้ตลาดโตได้” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวต่อว่า โดยเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังเตรียมหารือร่วมกับ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ แพลตพอร์มเทรดเหรียญดิจิทัล เพื่อผลักดันให้โทเคนดิจิทัล เป็นลักษณะหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือกับ ก.ล.ต. รวมทั้ง ต้องการสอบถามความคิดเห็นว่า ตลาดประเภทนี้ต้องการนโยบายเพื่อการสนับสนุนในรูปแบบใด จากภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารืออยู่เป็นระยะอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีความตั้งใจที่จะเดินหน้าสนับสนุนอย่างจริงจัง

“เชื่อว่าตลาดเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล ถือเป็นตลาดใหม่รัฐบาลมองว่าเติบโตได้ ถือเป็นโอกาสของคนไทยที่จะสร้างธุรกิจใหม่ คนที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆด้วย เพราะเป็นตลาดที่ไม่มีพรมแดน ซึ่งล้อไปกับนโยบายที่รัฐกำลังทำคือเรื่องการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นต้น” นายจุลพันธ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน