นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 ผลผลิตข้าวโลกจะใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ 513 ล้านตันข้าวสาร แต่ไทยจะส่งออกข้าวลดลงทั้งปริมาณ และมูลค่า โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7.5 ล้านตันลดลง 14.4% คิดเป็นมูลค่า 1.5 แสน ล้านบาท โดยมีมูลค่าน้อยกว่าปีก่อนราว 2.8 หมื่นล้านบาท

แบ่งเป็นข้าวขาว 4.2 ล้านตัน ข้าวหอมมะลิ 1.4 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 1.2 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.5 ล้านตัน และข้าวเหนียว 0.2 ล้านตัน ปีนี้ต้องจับตาดูว่าไทยหรือเวียดนามจะครองตำแหน่งส่งออกอันดับ 2 ของโลก เพราะมีคาดการณ์ว่าจะส่งออกได้ใกล้เคียงกันที่ 7.5 ล้านตัน โดยปีนี้อินเดีย ยังคงเป็นผู้ส่งออกเบอร์หนึ่งของโลกที่ 16.5 ล้านตัน รองลงมาคือ ไทย และเวียดนาม 7.5 ล้านตัน ปากีสถาน 4.5 ล้านตัน กัมพูชา 1.9 ล้านตัน และเมียนมา 1.8 ล้านตัน เป็นต้น

นายชูเกียรติ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ปีนี้ข้าวไทยส่งออกลดลง เนื่องจากคู่แข่งอย่างเวียดนามส่งออกข้าวเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่เวียดนามมีการนำเข้าข้าวจากกัมพูชามาแปรรูปและส่งออกแข่งกับไทย และยังชนะการประมูลขายข้าวให้กับอินโดนีเซียในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 4 แสนตัน ขณะที่ไทยประมูลไม่ได้เลย เนื่องจากข้าวเวียดนามราคาถูกกว่าไทยตันละ 30 เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ข้าวไทยราคาแพงกว่าเพราะผลิตต่อไร่ต่ำกว่าเวียดนามเกือบเท่าตัว โดยเวียดนามผลิตได้ 970 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่ไทยผลิต 450 กิโลกรัมต่อไร่ รวมทั้งเวียดนามยังมีพันธุ์ข้าวที่หลากหลายกว่าตอบโจทย์คู่ค้าได้ดี

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาค่าเงินบาทยังผันผวนทำให้เกิดความเสี่ยงด้านราคา อาจทำให้ผู้ซื้อหันไปซื้อข้าวเวียดนามแทนเพราะมีค่าเงินที่มีเสถียรภาพกว่า รวมทั้งยังมีแนวโน้มว่าอินเดีย อาจจะมีการยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออกข้าวในช่วงหลังการเลือกตั้งในเดือนเม.ย.-พ.ค.ปีนี้ อาจทำให้ผู้ส่งออกทั้งหมดได้รับผลกระทบ ซึ่งหากอินเดีย เริ่มส่งออกอีกครั้ง จะฉุดราคาข้าวในตลาดโลกร่วงลง 40-50 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามซัพพลายข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น

“ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ คาดว่าการส่งออกข้าวไทยยังไปได้ดี เฉลี่ยเดือนละ 7.5-8 แสนตัน เพราะมีออร์เดอร์ค้างส่งจากปีก่อน โดยเดือนมค. 2567 เดือนเดียว ส่งออกได้มากกว่า 1 ล้านตัน แต่ช่วงไตรมาส 2 น่าเป็นห่วงเพราะผลผลิตข้าวเวียดนามจะเริ่มออก และราคายังถูกกว่าไทยมาก อาจทำให้ไทยส่งออกข้าวได้ลดลง เหลือเฉลี่ยเดือนละ 6 แสนตัน และอาจฉุดราคาข้าวเปลือก และข้าวสารภายในประเทศให้ปรับลดลง”

นายชูเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ออกมาระบุว่ารัฐบาลอินโดนีเซีย ตกลงที่จะซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตัน ในรูปแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากปัจจุบันการซื้อขายข้าวได้เปลี่ยนไปแล้ว หลายประเทศยกเลิกการซื้อแบบจีทูจี เนื่องจากมีต้นทุนการซื้อขายที่แพงกว่าซื้อระหว่างเอกชนกับเอกชน และยังมีขบวนการซื้อขาย และส่งมอบข้าวที่ล่าช้าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน โดยจะต้องมีการเสนอเรื่องเข้าคณะกรรมการนโยบายข้าว เสนอคณะรัฐมนตรี รวมทั้งต้องให้อัยการตรวจร่างสัญญาซื้อขายอีก

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า แม้ว่าปีนี้ไทยจะส่งออกได้ลดลง แต่ภาพรวมราคาข้าวเปลือก และข้าวสารของไม่น่าจะเลวร้าย โดยราคาข้าวเปลือกอาจเฉลี่ยอยู่ที่1หมื่นบาท ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.3 หมื่นบาท ซึ่งลดลงไม่มากเชื่อว่าเกษตรกรยังพอใจในระดับราคาดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน