นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 มีกำไรสุทธิ 11,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 724 ล้านบาท จากปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศในภูมิภาค รวมทั้งการกลับมาของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่า ส่งผลให้รายได้ขายและบริการลดลง 20,651 ล้านบาท สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจ Mobility ยังคงแข็งแกร่ง มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรเติบโตขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ากลุ่มธุรกิจ Global มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรโดยรวมจะอ่อนตัวลงตามสภาวะตลาดก็ตาม นอกจากนั้นกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โออาร์กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.92 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 7.0%
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2566 ที่อัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น ในการนี้ บริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 27 ก.พ. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 เม.ย. 2567 อย่างไรก็ดี สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 10 เม.ย. 2567
นายดิษทัต กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา โออาร์ได้เปิดตัว พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 ต้นแบบสถานีบริการในอนาคตที่ครบครันทั้งด้านบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ และสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด SDG ในแบบของบริษัทในทุกมิติ และได้ผลักดันการสร้างยอดขายและกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution เช่น น้ำมันอากาศยานที่มีแนวโน้มยอดจำหน่ายสูงขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global OR ยังคงมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จับมือกับพันธมิตร เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น เปิดร้านสะดวกซัก “อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย” สาขาแรกในประเทศกัมพูชา เป็นไปตามหนึ่งในกลยุทธ์ของโออาร์ในการผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่โออาร์เข้าลงทุน ได้ไปเติบโตในต่างประเทศ ทั้งยังได้ขยายสาขาคาเฟ่ อเมซอน ในประเทศญี่ปุ่น และมาเลเซีย อีกทั้งยังเปิด Cafe Amazon Concept Store แห่งแรกในต่างประเทศ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
ด้านการดูแลชุมชนโออาร์ได้พัฒนาโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ได้มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังได้เปิดโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็นจุดรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาในพื้นที่ภาคเหนือจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม รวมทั้งช่วยพัฒนาทักษะความรู้ให้เกษตรกร พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาในกระบวนการปลูก การผลิต และการแปรรูปกาแฟอย่างครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพมาตรฐาน
ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมตามวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน
สำหรับในปี 2567 โออาร์ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต ในปีนี้ มีแผนรุกธุรกิจ Health & Beauty เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม สร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ภายใต้ความร่วมมือที่สำคัญระหว่างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านไลฟ์สไตล์
อีกทั้งยังเตรียมเดินหน้าโครงการคาเฟ่ อเมซอน ปาร์ค ที่ จ.ลำปาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ value chain ของคาเฟ่ อเมซอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสร้าง ecosystem ของคาเฟ่ อเมซอนให้ยั่งยืน และจะถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของโออาร์ ที่ถูกผนวกเข้าไปกับการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการและเป้าหมายธุรกิจ และได้นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวคิด OR SDG In Action