นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ในปี 2566 ด้วยผลการดำเนินงานสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หลังจากปิดดีลประวัติศาสตร์ในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC (ชื่อเดิม บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)) โดยทุกกลุ่มธุรกิจมีการเติบโตและมีพัฒนาการที่สำคัญหลายด้าน ส่งผลให้บางจากฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 385,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2565 โดยมี EBITDA 41,680 ล้านบาท มีกำไรสำหรับงวดปี 2566 ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 13,233 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.27 บาท

สำหรับปี 2567 บางจากฯ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการขยายธุรกิจจากการลงทุนขนาดใหญ่ในปี 2566 โดยจะมุ่งเน้นสร้างและต่อยอด Synergy ระหว่างกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน กลุ่มธุรกิจการตลาด และกลุ่มธุรกิจบางจาก ศรีราชา โดยได้ปรับกลยุทธ์การบริหารงานเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากร เทคโนโลยีและสินทรัพย์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้าง Platforms for Growth เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านการบริหารโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง การขนส่งและการค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด ตลอดจนธุรกิจสนับสนุน และการทำงานแบบบริการร่วม (Shared Services) ในระบบ Back Office เพื่อลดต้นทุนและก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดในภาพรวม โดยมีเป้าหมาย EBITDA Synergy ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ยังมีแผนขยายอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในธุรกิจต้นน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยจะพิจารณาโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมจากแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพอื่นๆ ต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งมั่นร่วมบรรเทาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ สร้างโลกยั่งยืน ด้วยการเป็นโรงกลั่นแรกและโรงกลั่นเดียวในประเทศไทยที่ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ภายในไตรมาสแรกของปี 2568 ด้วยกำลังการผลิต 1,000,000 ลิตรต่อวัน”

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2566 และความสามารถในการบรรลุเป้าหมายสำคัญต่างๆ เป็นปฐมบทของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งไม่เพียงจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้บางจากฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการต่อยอดจากธุรกิจปัจจุบัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต ปี 2567 จัดเป็นอีกหนึ่งปีที่สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจยังคงมีความท้าทาย

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 อนุมัติให้นำเสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น จะรวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2566 ในอัตรา 2.00 บาทต่อหุ้น โดยวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลเป็นวันที่ 7 มี.ค. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เม.ย. 2567

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน