นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนก.พ. 2567 ว่า มีค่าเท่ากับ 107.22 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลง 0.77% โดยมีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้ 1.หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.97% ตามการลดลงของราคาเนื้อสุกร และผักสด โดยเมื่อเทียบกับปีก่อนพบว่า เนื้อสุกรปีนี้ราคาปรับลดลง 18.54% และผักสดปรับลดลง 6.99% ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ นมถั่วเหลือง ครีมเทียม
และ 2.หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ราคา ลดลง 0.63% เนื่องจากน้ำมันในกลุ่มดีเซลราคาลดลง 13.20% และค่ากระแสไฟฟ้าลดลง 4.84% เมื่อเทียบกับราคาปีก่อนเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แต่ยังไม่น่ากังวลเรื่องปัญหาเงินฝืด เพราะเมื่อดูราคาสินค้าและบริการที่อยู่ในตระกร้าที่นำมาคำนวนเงินเฟ้อ จำนวน 430 รายการ พบว่า สินค้าส่วนใหญ่ จำนวน 264 รายการ ยังมีราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ราคาปรับลดลงมีเพียง 119 รายการ ขณะที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มีจำนวน 47 รายการ รวมทั้งฐานราคาเดือนก.พ.ปีก่อน ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูงมีส่วนทำให้เงินเฟ้อก.พ.ปีนี้ลดลง นอกจากนี้ เมื่อดูตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนก.พ. ซึ่งตัดอาหารสดและราคาน้ำมันออก พบว่ายังขยายตัวเป็นบวกที่อัตรา 0.43%
นายพูนพงษ์ กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. 2567 เทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงขึ้น 0.22% ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 2 เดือนแรก ม.ค.-ก.พ. ปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันปี 2566 ลดลง 0.94% ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้อของไทยกับต่างประเทศ จากข้อมูลล่าสุดเดือนม.ค. 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยที่ลดลง 1.11% อยู่ระดับต่ำอันดับ 4 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำสุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศ สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนแรกของปี 2567 ที่หลายประเทศชะลอตัวลง
สำหรับอัตราเงินเดือนมี.ค. 2567 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากมาตรการตรึงราคาค่ากระแสไฟฟ้าที่ 3.99 บาทต่อหน่วย สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และที่ 4.18 บาทต่อหน่วย สำหรับครัวเรือนทั่วไป รวมทั้งมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 19 เม.ย. 2567 และเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำ
“คาดว่าช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เงินเฟ้อจะขยายตัวลดลง เฉลี่ย -0.7 – 0.8% และขยายตัวลดลงต่อเนื่องจนถึงเดือนเม.ย. 2567 และจะพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในเดือนพ.ค. 2567 เนื่องจากฐานราคาเดือนพ.ค.ปีก่อนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานจะสิ้นสุดในวันที่ 18 เม.ย. 2567 และมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า จะสิ้นสุดลงวันที่ 30 เม.ย. 2567”
สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 คาดการณ์ว่าจะอยู่ระหว่าง -0.3 – 1.7% ค่ากลาง 0.7% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง