นายจักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตรองเท้านันยาง เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียนทุกประเภทในปัจจุบันมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรองเท้าผ้าใบ 60% นองเท้าผู้หญิง 35% และอื่นๆ อาทิ รองเท้าแฟชั่นลำลอง รองเท้าหนัง 5% โดยปัจจุบันนันยางยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะรองเท้าผ้าใบเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 45% ซึ่งในปี 2567 คาดว่าตลาดยังคงมีการแข่งขันเข้มข้นเช่นเดิม

โดยภาพรวมธุรกิจของนันยางในปี 2566 ดีขึ้นกว่าปี 2565 ค่อนข้างมาก เนื่องจากนันยางได้รุกทำกิจกรรมการตลาดและการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี ประกอบกับได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้นันยางสามารถสร้างอัตราการเติบโต 13.7% สูงกว่าการเติบโตของตลาดรวมซึ่งเติบโต 3% โดยในปี 2567 นันยางวางแผนการเติบโตต่อเนื่องที่ 3-5% พร้อมเพิ่มกลยุทธ์เพื่อรุกขยายโอกาสทางการตลาดในทุกช่องทางและยังคงเน้นเป้าหมายหลักที่กลุ่มนักเรียน นักกีฬา คนทำงาน และผู้ใช้งานอเนกประสงค์

“พ่อแม่ผู้ปกครองเตรียมซื้อให้ลูก ปลายเม.ย.-กลางพ.ค. และต่อเนื่องถึงกลางมิ.ย. จะมีการซื้อขายค่อนข้างมาก สำหรับช่วงต้อนรับเปิดเทอม เราเห็นสัญญาณกำลังซื้อคล้ายๆ เดิม โดยจะชะลอตัวบ้างช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา และเริ่มมีแรงซื้อช่วงวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นวันแรงงานและเป็นวันหยุดกลางสัปดาห์ โดยตัวเลขยอดขายเริ่มกลับมาคึกคัก ประกอบกับเดือนพ.ค. มีวันหยุดหลายวัน แต่อย่างไรก็ดี พฤติกรรมการซื้อของผู้ปกครองจะเลือกซื้อเสื้อผ้านักเรียนให้ลูกก่อนส่วนรองเท้านักเรียนจะซื้อรองเท้าเด็กประถมก่อน และถัดมาเป็นรองเท้าเด็กมัธยม”

ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” ซึ่งเป็นจุดยืนของนันยางที่ต้องการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนที่ทำมาต่อเนื่องตลอด 3 ปี โดยได้การตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะนักเรียนทั่วประเทศ โดยนันยางยังเดินหน้าสานต่อการรณรงค์ดังกล่าวด้วยการสร้างสรรค์ เพื่อยุติการสร้างแรงกดดันและความคาดหวังกับตัวเองมากเกินไป หรือนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ เพราะจะทำให้บั่นทอนศักยภาพการใช้ชีวิตซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเป็นที่พึ่งทางความคิดของเด็กนักเรียนได้อย่างดี

พร้อมกับได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “ดูใจตน วอลเล็ต” โดยเปิดช่องทางในการรับฟัง เข้าใจ และให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับการกดดันตนเอง ให้กลับมาใจดีกับตัวเองให้มากขึ้น สนุกไปกับแต่ละก้าวของชีวิต เพราะนันยางเชื่อว่า ทุกคนต่างดีพอและมีความพอดีที่ไม่เหมือนกัน ผ่านทาง www.พอดีไม่เหมือนกัน.com โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาในแพลตฟอร์มประมาณ 5-6 แสนราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน