ณพ ณรงค์เดช สุดทน แจงข้อเท็จจริงตนและครอบครัวถูกฟ้องคดีอาญา

จากกรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการที่นายณพ ณรงค์เดช รองประธานคณะกรรมการ บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด และครอบครัว ถูกบริษัท ซิมโฟนี พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวนเมนท์ส จำกัด บริษัท ไดนามิค ลิงค์ เวนเจอร์ส จำกัด ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องอาญาในความผิดฐานร่วมกันโกงเจ้าหนี้ มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท นั้น

นายณพ ได้ชี้แจงว่า กรณีที่สื่อมวลชนหลายฉบับลงข่าวเกี่ยวกับ การที่ตน และครอบครัวถูกฟ้องร้องคดีอาญา โดยมุ่งทําให้ตนเอง และบริษัทได้รับความเสียหาย โดยชี้แจงว่าคําฟ้องดังกล่าวเป็นฟ้องเท็จ ซึ่งเป็นการยั่วยุให้มีผู้เสียหายบางคนกําลังเตรียมการดําเนินคดีต่อผู้เป็นโจทก์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

มูลเหตุที่เกิดการฟ้องเท็จ และสร้างเรื่องให้เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์นั้น สืบเนื่องมาจากผู้ขายหุ้น ประสบปัญหา จนต้องลี้ภัยในต่างประเทศ จึงได้ไปเร่ขายหุ้น ให้แก่ผู้อื่นหลายราย แต่ไม่อาจขายได้ เพราะในขณะนั้น สภาพกิจการไม่อาจดําเนินการต่อไปได้ กลุ่มบริษัทของนายณพ ณรงค์เดช จึงรับความเสี่ยงเข้าซื้อหุ้นไว้ ซึ่งต่อมากิจการได้ถูกฟื้นฟูให้ดีขึ้น ผู้ขายหุ้นเกิดความโลภที่อยากได้หุ้นคืน แม้จะได้รับเงินค่าหุ้นงวดแรกไปแล้วนับพันล้านบาทก็ตาม จึงหาเหตุสร้างเรื่องเป็นคดีความเพื่อทําลายการซื้อขายหุ้น และบังคับให้คืนหุ้นให้ทั้งๆ ที่การซื้อขายหุ้นได้เสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ถึงขนาดไปทําการฟ้องร้องในต่างประเทศเพื่อยกเลิกการซื้อขายหุ้น แต่อนุญาโตฯ ก็ตัดสินให้ผู้ขายหุ้นแพ้คดีเอาหุ้นคืนไม่ได้ คงได้รับไปแต่เพียงเงินที่ได้รับไปแล้ว และอีกส่วนที่จะพึงจ่ายให้ตามสัญญา ดังที่อนุญาโตฯ ได้แจ้งไว้

ผู้ขายหุ้นยังใช้วิธีการก่อกวนขัดขวางกลุ่มบริษัทของนายณพ ในหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ และใช้วิธีการ ซื้อหน้าสื่อโฆษณาหลากหลายประเภททั้งใน และนอกประเทศ บิดเบือนข้อมูลโจมตีมาโดยตลอด ซึ่งนายณพ ก็พยายามเงียบ ไม่ตอบโต้ผ่านสื่อ แต่ใช้วิธีการทางกฎหมายในการปกป้องชื่อเสียงด้วยการฟ้องกลุ่มผู้ขายหุ้นเป็นเงิน หลายพันล้านบาท แต่เมื่อมีการฟ้องเท็จกล่าวหาทําลายชื่อเสียงของครอบครัว และยังทําให้ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จํากัด รวมตลอดถึงผู้ถือหุ้นของบริษัทวินด์ฯ ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากด้วยแล้ว ทั้งๆ ที่ผู้ขายหุ้นไม่ได้ เป็นเจ้าหนี้ หรือเกี่ยวข้องกับ บริษัทวินด์ฯ แต่อย่างใด จึงทําให้ไม่อาจอดทนต่อไปได้ จําเป็นต้องออกมาชี้แจงให้ความจริงปรากฏ

นอกจากพฤติกรรมของผู้ขายหุ้นที่ใช้วิธีการฟ้อง และใช้สื่อโจมตีดังกล่าวมานั้น ผู้ขายหุ้นรายนี้ก็ยังใช้วิธีการจ้างวานผู้อื่นให้ฟ้องร้องอีกหลายเรื่อง แต่ทุกเรื่องก็เป็นฝ่ายที่แพ้คดี และถอนฟ้องไปเอง ล่าสุด มีหลักฐานยืนยันไว้ ชัดเจนว่า มีคดีหนึ่ง ในขณะที่ผู้ขายหุ้นดังกล่าวเคยบริหารกิจการอยู่ ผู้ขายหุ้นรายนี้ได้ใช้จ้างวานอดีตพนักงานของบริษัทที่กลุ่มของนายณพซื้อมา เอาเงินของบริษัทดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนอยู่หลายครั้งหลายจํานวน ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างชัดแจ้ง และยืนยันโดยอดีตพนักงานผู้ถูกใช้จ้างวานดังกล่าว ซึ่งได้แถลงยอมรับต่อหน้า ศาลไว้แล้วว่า ผู้ขายหุ้นรายนี้ได้เอาเงินของบริษัทไปจริง โดยขณะนี้ ศาลอาญาก็ได้ออกหมายจับผู้ขายหุ้นรายนี้ไว้แล้ว