ระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-6 ก.ย. 2567 นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงและสื่อมวลชนจากประเทศไทย เดินทางไปเยือนมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อหาลู่ทางในการขยายตลาดการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย ตามนโยบายของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.พาณิชย์
โดยกระทรวงพาณิชย์ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยแบบครบวงจร ที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือ จัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ยกระดับภาพลักษณ์สินค้าไทยในรูปแบบใหม่ บริเวณไทม์สแควร์ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน
นายวุฒิไกร ระบุว่าเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ตามเวลาในสหรัฐ กระทรวงพาณิชย์จัดงาน Ignite Thailand Festival : Think Thailand, Next Level ขึ้นที่บริเวณไทม์สแควร์ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ และสร้างทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์สินค้าและบริการจากประเทศไทยในกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐ และชาวโลกให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีการนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มขึ้น นำรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
“เรามาจัดงานในตำแหน่งที่สำคัญของโลก กลางไทม์สแควร์ ที่มีทั้งคนนิวยอร์ก และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือน มาเพื่อบอกให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยไม่ได้มีแค่สินค้าข้าวหอมมะลิ และผลไม้สด เรากำลังจะยกระดับแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ฟิวเจอร์ฟู้ด ฟังก์ชันนัล ฟู้ด และสินค้าที่มีนวัตกรรม เราจะใช้อาหารไทยเป็นตัวนำในการโปรโมต เพราะทั่วโลกรู้จักผัดไทย ต้มยำกุ้ง อยู่แล้ว และจะต่อยอดด้วยการนำซอฟต์พาวเวอร์เข้ามาร่วมโปรโมตด้วย ทั้งวัฒนธรรม และกีฬา เช่น มวยไทย การเพนต์ร่ม โปรโมตในรูปแบบ next level of Thailand งานครั้งนี้อาจจะไม่ได้สร้างมูลค่าออกมาเป็นรูปธรรม แต่เป็นการสร้างการรับรู้สินค้าแบรนด์ไทย โดยคาดว่าจะมียอดรับรู้ราว 20 ล้านคน กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกา และทั่วโลก”
- โปรโมตสินค้าไทยกลางไทม์สแควร์
ด้าน น.ส.เกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผอ.สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก บอกว่าการโปรโมตสินค้าไทยกลางไทม์สแควร์ถือเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยได้มีการจัดแสดงสื่อประชาสัมพันธ์อาหารไทยบน Billboard ของไทม์สแควร์ เป็นเวลา 30 นาที ในช่วงเวลา 17.00-17.30 น. และมีกิจกรรมการนั่งขบวนรถ Pedi Cab หรือสามล้อถีบขึ้นชื่อของเมือง โปรโมตแบรนด์ไทยด้วย
มีกิจกรรมบนเวทีสาธิตทำอาหารไทย อาทิ ยำมาม่า และแจกชิม โดยเชฟโย ร้านปิ่นโตการ์เด้น เชฟวี เชฟลูกครึ่งชาวไทย จากร้าน Eleven Madison Park มิชลิน 3 ดาว รวมไปถึงการแสดงรำไทย มวยไทย แฟชั่นโชว์สินค้าเสื้อผ้า และเครื่องประดับแบรนด์ไทย
รอบๆ บริเวณงานยังมีการจัดแสดงคูหาสินค้าไทย รวม 19 คูหา อาทิ สินค้าอาหาร แบรนด์มาม่า ซีอิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์ กะทิชาวเกาะ และอำพลฟู้ดส์ ไอศกรีมที่ทำจากผลไม้แช่แข็ง สินค้าแฟชั่น 2 แบรนด์ คือ Future treasure และ Nakamol และยังมีคูหาร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT คูหาแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย คือ การเพนต์ร่ม และคูหาถ่ายภาพชุดไทยอีกด้วย
- จับมือห้าง H Mart ขายผ่านออนไลน์ครั้งแรก
นอกจากการจัดงานใหญ่ที่ไทม์สแควร์แล้ว ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังได้หารือร่วมกับนายริช ลี ผอ.ฝ่ายจัดซื้อห้าง H Mart สาขา Long Island เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ ร่วมกับทางห้าง
นายวุฒิไกรระบุว่า ปัจจุบันไทยมีการจำหน่ายสินค้าไทยในห้างดังกล่าวผ่านออฟไลน์ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะจำหน่ายแบบออนไลน์บนแพลตฟอร์มของ ห้าง H Mart โดยทางห้างจะประชาสัมพันธ์หน้าเพจสินค้าไทย https://www.hmart.com/thai และให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับวิธีการสั่งซื้อสินค้าไทยผ่าน Banner ชื่อ “Thai Products”
เบื้องต้นจะนำสินค้าที่มีศักยภาพกว่า 60 รายการ เข้ามาจำหน่าย อาทิ ซอสปรุงรส ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ข้าวหอมมะลิ เป็นต้น มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าไทยมากขึ้น เพราะลูกค้าห้างราว 80% เป็นชาวเอเชีย
และเพื่อให้สินค้าไทยเติบโตต่อเนื่องกระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดโปรโมตสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านเทศกาลสำคัญๆ ของสหรัฐอเมริกา อาทิ เทศกาลฮาโลวีน คริสต์มาส และปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกหลายเท่า
ขณะที่ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า กรมได้เชิญผู้บริหารห้าง H Mart มาร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนพ.ค.2568 เพื่อพบปะผู้ผลิตไทย เจรจาซื้อขายและนำเข้าสินค้าไทยไปจำหน่ายใน H Mart ต่อไป สำหรับ H Mart เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชียนอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จัดจำหน่ายสินค้าอาหารและของชำ นำเข้าจากทั่วทั้งเอเชีย มีทั้งหมด 74 สาขา ใน 14 รัฐ มียอดขายต่อปีราว 66,600 ล้านบาท คาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะผลักดันมูลค่าการค้าสินค้าไทยรวมทุกช่องทางได้ราว 400 ล้านบาท
- ดันโอท็อปไทยขึ้นห้าง Trader Joe’s
นอกจากนี้ คณะยังใช้โอกาสนี้เดินทางไปสำรวจตลาด และศึกษาแนวทางการขยายตลาดสินค้าไทยในห้างยังห้างค้าปลีกชื่อดัง Trader Joe’s ซึ่งปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ทั่วสหรัฐประมาณ 569 สาขา ใน 43 มลรัฐ โดยปี 2566 มียอดขายสินค้าแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท
นายวุฒิไกรกล่าวว่า ปัจจุบันห้างมีการจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากไทย ภายใต้แบรนด์ของ Trader Joe’s เป็นจำนวนมาก อาทิ อาหารแช่แข็งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เช่น ข้าวผัดกุ้ง ผัดไทย ไอศกรีม โมจิ เป็นต้น สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมมาก คือ ขนมครก โมจิชาไทย เบื้องต้นได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศที่ดูแลตลาดสหรัฐเจรจากับบริษัทตัวแทนหรือเอเยนต์ของห้างในไทยเพื่อเชื่อมโยงสินค้าเขามาขายที่นี่ โดยเฉพาะสินค้าไทย โอท็อป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทยเอสเอ็มอี
- โปรโมตข้าวไทยโดยเชฟดังระดับโลก
กิจกรรมปิดท้ายคือ การประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ข้าวไทย ณ Tasting Studio อาคาร Tin Building by Jean-Georges โดยเชิญเชฟชื่อดัง เซดริก วองเกริชเทน ฌอง จอร์จ วองเกริชเทน, ลูกชายของ Jean George ที่เป็นหนึ่งในเชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในนิวยอร์ก Tin Building by Jean-Georges สาธิตการใช้ข้าวไทยประเภทต่างๆ ประกอบอาหารนานาชาติ และทดลองบริโภค โดยสื่อมวลชน อินฟลูเอนเซอร์ ผู้บริโภคเป้าหมายระดับ VIP กว่า 20 ราย ซึ่งมีผู้ติดตามรวมกว่า 4.33 ล้านราย เข้าร่วมงาน
กระทรวงพาณิชย์มั่นใจทำให้ผู้บริโภคชาวสหรัฐรู้จักข้าวไทย และอาหารไทยเพิ่มมากขึ้น กระตุ้นให้เกิดการบริโภคข้าวไทยและอาหารไทยมากขึ้น คาดว่าจะสามารถสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มบริโภคเป้าหมายได้อย่างน้อย 10 ล้านครั้ง
ต้องรอพิสูจน์ฝีมือว่าการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ของกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าและบริการไทยในตลาดสหรัฐและตลาดโลกได้มากน้อยแค่ไหน
มยุรี นวมมี