นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ส่งผลให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2567 เหลือเพียง 2-3% โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่ภาคอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จึงได้สั่งการให้กระทรวงเร่งช่วยเหลือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (เอสเอ็มอี) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย ที่กระทรวงต้องการส่งเสริม สร้างโอกาส ให้ความสะดวก เติมทุนหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กล่าวว่ากองทุนได้ออกสินเชื่อ 2 โครงการ เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อราย และเป็นเงินกู้ระยะยาว อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3-5% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหลักประกัน) ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน มีหลักประกัน เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร หรือหลักประกันทางธุรกิจหรือมีบุคคลค้ำประกัน

โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มแรกเอสเอ็มอีที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น หรือผ่านการคัดเลือกรอบที่ 1 ของการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่นจากกระทรวงอุตสาหกรรม ในระยะเวลา 3 ปีย้อนหลัง นับถึงวันที่ยื่นขอเข้าร่วมโครงการ

กลุ่มที่สอง เอสเอ็มอีที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพจากหน่วยงานของรัฐในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยหน่วยร่วมดำเนินการ หรือสถาบันเครือข่ายภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม

กลุ่มที่สาม เอสเอ็มอีที่ไม่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น หรือการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ แต่มีความประสงค์เข้ารับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพตามที่กองทุนกำหนด เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะด้านการพัฒนานวัตกรรม การปรับปรุงเทคโนโลยีและการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไทย

โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งให้สามารถฟันฝ่าวิกฤตทางเศรษฐกิจได้ วงเงินรวม 700 ล้านบาท วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย เป็นเงินกู้ระยะยาว อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5-7% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหลักประกัน) ระยะเวลากู้สูงสุด 3 ปี มีหลักประกัน เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร หรือหลักประกันทางธุรกิจ หรือบุคคลค้ำประกัน กลุ่มเป้าหมายและคุณสมบัติของผู้กู้ มีลักษณะเดียวกันกับโครงการสินเชื่อฯ เสือติดปีก

ปัจจุบันกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ มีเงินหมุนเวียนอยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยมีการปล่อยสินเชื่อแล้ว 25,400 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งสามารถช่วยเอสเอ็มอีได้ 13,670 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 36,000 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณ 15.8%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน