หอการค้า เผย พิษน้ำท่วม ทุบเศรษฐกิจพัง 4 หมื่นล้าน เชียงรายหนักสุด ฉุดดัชนีเชื่อมั่น ธุรกิจ-ผู้บริโภค ก.ย. ต่ำสุดรอบ 17 เดือน แนะรัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี

วันที่ 10 ต.ค.2567 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (ธุรกิจ) และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนก.ย. 2567 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยอยู่ที่ 49.4 ลดลงติดต่อเป็นเดือนที่ 5 อยู่ต่ำกว่า 50 จุดเป็นเดือนแรก ในรอบ1-2ปี

เนื่องจากผู้ประกอบการวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การบริโภค การลงทุนที่ยังไม่ฟื้นตัว และมองว่าภาคการบริโภคยังไม่คึกคัก แม้ว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินหมื่น รวมทั้งยังไม่แน่ใจเสถียรภาพการเมืองของรัฐบาล

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ปรับตัวลดลงจากระดับ 56.5 เป็น 55.3 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และต่ำสุดในรอบ 17 เดือน และยังต่ำกว่า 100 เพราะผู้บริโภคมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น ค่าครองชีพยังสูง เห็นได้จากดัชนีภาวะค่าครองชีพสูงมีค่าต่ำสุดในรอบ 18เดือน และยังกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน ผลผลิตทางการเกษตร

รวมทั้งราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

“จากดัชนีความเชื่อมั่นทั้ง 2 รายการปรับลดลงต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินหมื่น ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัญหาน้ำท่วมเข้ามากระทบทำให้เงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก เพราะประชาชนเริ่มกังวลว่าอาจจะลุกลามไปยังภาคกลาง และกรุงเทพมหานครทำให้คนยังไม่ใช้เงิน ดังนั้นต้องจับตาดูว่าในเดือนต.ค.ปัญหาน้ำท่วมจะคลี่คลายได้หรือไม่ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าน้ำท่วมปีนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหาย 3-4หมื่นล้านบาท คิดเป็น0.21% -ของจีดีพีประเทศ

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์พบว่ามี 36 จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุดมีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 27,434 ล้านบาท ภาคบริการ 9,209 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 287 ล้านบาท เป็นต้น โดยจังหวัดที่ได้รับความเสียหายมากสุด คือ เชียงราย 6, 412ล้านบาท เชียงใหม่ 4,232 ล้านบาท และพะเยา 3,290 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนและไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ โดยเฉพาะจากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการนัดชุมนุมพาม็อบลงถนนนั้นทำให้ผู้บริโภคเริ่มกังวลกับสถานการณ์ และอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากดัชนีความคิดเห็นของสถานการณ์การเมือง ก.ย.2567 ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน

ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเสริมมาตรการแจกเงินกลุ่มเปราะบางให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมาตรการชิมช็อปใช้ หรือ มาตรการคูณ2 รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอื่นๆ เพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยหอการค้าไทย ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้2.6%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน