พาณิชย์ ชงผู้นำอาเซียน พ.ค.ปี68 ไฟเขียวแผนขับเคลื่อนศก.ภูมิภาค-ลุยปิดดีลFTA อาเซียน-จีน 3.0
นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (SEOM Retreat) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 3-5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ เมืองโกตากินาบาลู ประเทศมาเลเซีย เพื่อเตรียมแผนงานของเสาเศรษฐกิจอาเซียนสำหรับปี 2568 ในวาระประธานอาเซียนของมาเลเซียที่จะรับไม้ต่อจาก สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเร่งรัดแผนยุทธศาสตร์พิมพ์เขียวใหม่อาเซียนภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2588 และเตรียมจัดตั้งกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในภูมิภาค
ถือเป็นการประชุมนัดแรกของเสาเศรษฐกิจ เพื่อวางแผนการดำเนินการด้านเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2568 ที่มาเลเซียจะรับไม้การเป็นประธานอาเซียนต่อจาก สปป.ลาว โดยมีแผนงานสำคัญที่มีเป้าหมายดำเนินการให้สำเร็จในปีหน้า อาทิ การสรุปผลการเจรจาความตกลงทางการค้า เช่น การค้าสินค้าอาเซียน และการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย พร้อมเตรียมลงนามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน 3.0 รวมทั้งการสรุปกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) ซึ่งสอดรับกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นขยายโอกาสทางการค้าของไทย ทั้งนี้ที่ประชุมจะเร่งสรุปประเด็นเศรษฐกิจสำคัญของปี 2568 ภายใต้แนวคิดหลักในหัวข้อ “ครอบคลุมและยั่งยืน” ก่อนเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) เห็นชอบในเดือนก.พ. 2568
นอกจากนี้ ปี 2568 เป็นปีที่แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนฉบับปัจจุบันจะครบวาระ 10 ปี ที่ประชุมได้เร่งจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ของเสาเศรษฐกิจฉบับใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี 2588 ที่มุ่งเชื่อมโยงเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกภูมิภาค สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เน้นความยั่งยืน พร้อมปรับตัวให้ทันยุคดิจิทัล และพัฒนาขีดความสามารถใหม่ๆ ในการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบันได้จัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ของเสาเศรษฐกิจฯ แล้วเสร็จ 96% โดยเตรียมจะเสนอผู้นำอาเซียนรับรองในเดือนพ.ค. 2568
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยจะจัดตั้งคณะทำงานอาเซียนด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (ATF-CN) ซึ่งทำหน้าที่ดูแลโครงการสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนในภูมิภาค เช่น การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานเศรษฐกิจหมุนเวียน การพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าสีเขียว การสร้างตลาดคาร์บอนที่ทำงานร่วมกันได้ และการเคลื่อนย้ายแรงงานมีทักษะสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียว ตลอดจนดึงดูดการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแนวทางดังกล่าวสนับสนุนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมสินค้ารักษ์โลกและการเตรียมเทรดคาร์บอนของไทยเร็วๆ นี้