ประเทศไทยยังคงเผชิญวิกฤตฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ซึ่งฝุ่นจะรุนแรงมากในช่วงฤดูหนาว ส่วนหนึ่งมาจากการเผาในภาคการเกษตร

การเผาอ้อย กลายเป็นอีก 1 จำเลยของสังคม การเพาะปลูกในอดีตที่ผ่านมา ชาวไร่นิยมเผาก่อนตัดอ้อย เพราะสะดวกและประหยัดค่าแรง เนื่องจากหาแรงงานที่ตัดอ้อยยากและค่าแรงสูงมาก

ลานอ้อย

จนระยะหลังทั้งทางการและเอกชนต่างรณรงค์ไม่เผาอ้อย ไม่รับซื้ออ้อยไฟไหม้ แต่ปัจจุบันก็ยังมีเกษตรกรเผาอ้อยอยู่อีกไม่น้อย

ขณะนี้ก็เป็นช่วงที่เกษตรกรเริ่มตัดอ้อยกันแล้ว

สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) พาคณะสื่อมวลชนติดตามสถานการณ์หีบอ้อยของโรงงานและกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย ที่โรงงานรวมเกษตรกรอุตสาหกรรม (มิตรผลภูเขียว) อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

รางเลื่อนอ้อยเข้าลูกหีบ

นับตั้งแต่เปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี 2567/68 แบบรายภาคครั้งแรกของประเทศไทย ต่างจากในอดีตที่ผ่านมาจะกำหนดวันเปิดหีบอ้อยเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ

เริ่มจากภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่แรก เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 ภาคเหนือและภาคกลาง เปิดหีบอ้อยวันที่ 15 ธ.ค.2567 ยกเว้น 4 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เปิดหีบอ้อยวันที่ 2 ม.ค.2568

โดยเป็นการพิจารณาตามความพร้อมของโรงงานน้ำตาลในการรับอ้อยเข้าหีบ ความพร้อมของเกษตรกรในการบริหารจัดการตัดอ้อยส่งเข้าโรงงาน รวมถึงความพร้อมอื่นๆ

พบว่าภาพรวมเฉลี่ยโรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาสะสมจนถึงวันที่ 16 ม.ค.2568 คิดเป็น 18.72% (ลดต่ำลงกว่า 20%)

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ระบุว่า สอน. ขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ ร่วมกันแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างจริงจัง ทำให้โรงงานส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการรับอ้อยเผาน้อยกว่า 10% จำนวน 22 แห่ง โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาเกิน 10-25% จำนวน 32 แห่ง

เฉพาะโรงงานรวมเกษตรกรอุตสาหกรรม (มิตรภูเขียว) จ.ชัยภูมิ ของกลุ่มมิตรผล มีการรับอ้อยสดเข้าหีบสะสม ณ วันที่ 19 ม.ค. 2568 สูงถึง 94% ซึ่งในแต่ละฤดูการผลิตที่ผ่านมา โรงงานรับอ้อยสดเข้าหีบมากกว่า 90%

นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังได้มีการส่งเสริมการตัดอ้อยสดและรับซื้อใบอ้อยจากเกษตรกร เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมานานกว่า 10 ปี

สะท้อนว่ามาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศงดรับอ้อยเผาเข้าหีบตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2567/68 เห็นผล

แปลงอ้อยตัดสด

“ถ้าโรงงานน้ำตาลรับอ้อยสดเข้าหีบได้กว่า 90% หรือสามารถลดการรับอ้อยเผาเฉลี่ยทั่วประเทศให้ไม่เกิน 10% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมดตลอดฤดูการผลิต 2567/68 จะทำให้สามารถลดการเผาอ้อยจากฤดูกาลผลิตที่แล้วลงได้กว่า 22 ล้านตัน หรือเทียบเท่าลดการเผาป่ากว่า 2.2 ล้านไร่ ลดการปลดปล่อย PM 2.5 ได้อีกกว่า 5,500 ตัน เมื่อเทียบปีก่อน ส่งผลให้คุณภาพอากาศทั่วประเทศดีขึ้นเป็นอย่างมาก”

ปีนี้ สอน. คาดการณ์ปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 93.17 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.40% โดยฤดูการผลิตปี 2567/68 นี้ ราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ทั้ง 9 เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั้งประเทศ ในอัตรา 1,160 บาท/ตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับ 90.01% ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ (1,288.69 บาทต่อ/อ้อย) และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 69.60 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2567/68 เท่ากับ 497.14 บาท/ตันอ้อย

แม้การรับอ้อยเผาเข้าหีบจะลดลง แต่ยังมีโรงงานน้ำตาลใน จ.อุดรธานี และพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ให้ความร่วมมือ และยังคงรับอ้อยเผาเข้าหีบสูงเกิน 25% ตั้งแต่วันเปิดหีบ จำนวน 4 แห่ง เฉลี่ยการรับอ้อยเผารายวันทั่วประเทศ คิดเป็น 14.89% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ทำให้คุณภาพอากาศโดยรวมยังไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สอน. ทางคณะกรรมการตรวจสอบการประกอบการอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น

ตัดอ้อยสดลดฝุ่น

ในส่วนของชาวไร่อ้อยจะถูกหักเงินค่าอ้อยที่ถูกเผาในอัตรา 30 บาท/ตัน ถูกหักเงินค่าอ้อยสำหรับชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยยอดยาว อ้อยที่มีกาบใบและอ้อยที่มีสิ่งปนเปื้อนในอัตรา 20 บาท/ตัน โดยเมื่อสิ้นสุดฤดูการผลิตจะนำเงินที่หักดังกล่าวทั้งหมดมาเฉลี่ยจ่ายคืนให้ชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยสดคุณภาพดีในแต่ละโรงงาน

สอน. จึงยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ภาคที่ 4 จ.อุดรธานี ได้พัฒนาพันธุ์อ้อยสายพันธุ์ใหม่ ที่เพิ่มผลผลิตตันต่อไร่ มีค่าความหวานสูง ทนทานต่อโรคและแมลงในอ้อย สามารถเติบโตในสภาพพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เป็นอย่างดี สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย

ผลงานวิจัย

ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเริ่มปลูกอ้อยระยะห่าง 1.65-1.85 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมต่อการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับตัดอ้อย ลดการเผาใบ ลดต้นทุนการผลิตอ้อย สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี

โดยศูนย์ได้แจกพันธุ์อ้อยส่งเสริมของ สอน. ให้กับชาวไร่อ้อยและผู้ที่สนใจ เช่น สายพันธุ์ CSB11-307, CSB11-613 และ CSB15-221 เป็นต้น นำไปปลูกได้ 1% ของพื้นที่ปลูกอ้อย 11 ล้านไร่ คิดเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยสายพันธุ์ใหม่ของ สอน. จำนวน 110,000 ไร่

หากปริมาณผลผลิตอ้อยคิดที่ 10 ตันต่อไร่ ที่ 10 ซี.ซี.เอส. ในราคาอ้อยขั้นต้น ปีการผลิต 2567/68 ที่ราคา 1,160 บาท จะสามารถสร้างมูลค่าต่อระบบอุตสาหกรรมอ้อยได้ถึง 1,276 ล้านบาท

นอกจากนี้ ศูนย์ยังให้บริการวิเคราะห์คุณภาพดิน น้ำ และปุ๋ย ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยต่อไร่ให้สูงขึ้น ลดการใช้ปุ๋ยเกินความจำเป็น ปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินทรายในระยะยาว เพื่อลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่มรายได้จากการมีผลผลิตที่มีคุณภาพ

ด้านกลุ่มมิตรผล ได้ใช้คาถารักษ์โลก “นะโม ตัดสด” เป็นคาถาแห่งการเริ่มต้นที่ยั่งยืน ให้เกษตรกรคำนึงถึงการตัดอ้อยสดมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ช่วยเรา ช่วยไร่ และช่วยโลก

โดยร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้นำชุมชน และชาวไร่อ้อยในพื้นที่ ในการวิจัยเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ในการทำไร่อ้อยได้โดยไม่เผา เพื่อลดปริมาณอ้อยไฟไหม้อันเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ควบคู่กับการสร้างชีวิตความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมที่ดี

ส่วนการรับซื้อใบอ้อยจูงใจเกษตรกรตัดอ้อยสดนั้น ปัจจุบันปริมาณใบอ้อยรวมทั้งสิ้นกว่า 1.7 ล้านตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรไปแล้วกว่า 2.5 พันล้านบาท ซึ่งฤดูหีบปี 2567/68 นี้ กลุ่มมิตรผลมีนโยบายรับซื้อใบอ้อยในราคาตันละ 900 บาท และตั้งเป้ารับซื้อถึง 700,000 ตัน

เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวการสร้างฝุ่น PM 2.5 ก็ต้องให้ความร่วมมือ ล้างมลทินที่ตกเป็นจำเลยสร้างฝุ่นพิษในสังคมให้กับตัวเองด้วย

หากรัฐบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงิน 7,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเกษตรกรเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี 100% และเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อย แน่นอนว่าจะช่วยลดการเผาอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน

ซึ่งจะช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน