นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงแนวทางการปรับลดค่าไฟว่า ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางการปรับลดค่าไฟให้ได้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย ตั้งแต่เดือนก.ย. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำได้ แต่ต้องปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างและหลักเกณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับระบบ Pool Gas แต่เผอิญว่าต้นปี 2568 มีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องจะให้ลดค่าไฟลงมาเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย และสํานักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งกำกับดูแลเรื่องค่าไฟ ออกมาบอกว่าสามารถลดได้ ซึ่งสำหรับตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยอมรับว่าข้อเสนอล่าสุดของ กกพ. ก็มีประเด็นที่อาจทำไม่ได้

“ทุก 4 เดือน ผมต้องพยายามบริหารจัดการเพื่อไม่ให้มีการขึ้นค่าไฟ เพราะถ้าลดไม่ได้ ก็อย่าขึ้น เพราะฉะนั้นปี 2567 ทั้งปีเราทำได้ที่ 4.18 บาท มาตลอด ส่วนงวดปัจจุบันเดือนม.ค.-เม.ย.2568 ผมก็ดําเนินการปรับลงมาที่ 4.15 บาท แต่ก็ยังมีดราม่าบอกลดอะไร 3 สตางค์ ความจริงถ้าผมไม่ดําเนินการวันนั้น เขาบอกเขาจะขึ้นไป 5 บาทกว่า หรือ 4 บาทปลายๆ แต่อีกไม่กี่เดือนก็ต้องเหนื่อยต่อแล้ว เพราะค่าไฟงวดที่ 2 งวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 จะมาแล้ว ทุกทีผมต้องเป็นคนไปขอให้ลด แต่อย่างน้อยคราวนี้ ทาง กกพ. บอกว่าลดได้ ผมก็ใจชื้น แต่ประเด็นคือ เขาบอกว่าการลดนี้ให้เป็นนโยบายรัฐบาล ให้ไปเลิกสัญญา Adder กับสัญญาที่เป็นปัญหา ที่เราเรียกว่า สัญญาชั่วนิรันดร์ คือสัญญาไม่มีวันหมด ผมในฐานะรัฐมนตรีพลังงานก็ได้พยายามศึกษาแก้ปัญหาเรื่องนี้ เพราะไปเซ็นสัญญากันไว้ตั้งแต่ยุคไหนว่า สัญญานี้ต่ออายุไปเรื่อยๆ ทุกห้าปี ไม่มีวันหมด ทำให้ราคาก็สูงเกินปกติ เพราะฉะนั้นมันทําไม่ได้ ที่บอกให้ไปลด 17 สตางค์ โดยวิธีเลิกสัญญา ถ้าเลิกก็โดนฟ้องนะครับ ตอนนี้เรากําลังศึกษาว่า มีวิธีการอะไรที่จะแก้ไขสัญญาทั้งสองแบบนี้อยู่เพราะประเด็นที่เสนอโดย กกพ.นั้น มันทําไม่ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว

อย่างไรก็ดี นายพีระพันธุ์ได้มองเห็นทางออกในอีกมุมว่า การปรับลดค่าไฟสามารถทำได้จากการบริหารจัดการเชื้อเพลิง เพราะปัจจุบัน ประเทศไทยใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟอยู่ 3 แหล่งใหญ่ๆ คือ อ่าวไทย เมียนมา และจากต่างประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลางที่นำเข้ามาเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ซึ่งมีราคาแพง และอิงราคาตลาดโลกที่ผันผวนตลอดเวลา แต่ถ้าหากสามารถปรับพอร์ต Pool Gas ให้เป็นสัดส่วนชัดเจน ระหว่างการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าและการนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ก็น่าจะทำให้ค่าไฟลดลงได้อีกถึงเกือบ 40 สตางค์ โดยตนจะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้ทันค่าไฟงวดต่อไป

“ปัญหาเรื่องค่าไฟต่างกับปัญหาเรื่องน้ำมันเยอะมากและมีประเด็นต่างๆ ที่ต้องเข้ามาแก้ไขเยอะมาก น้ำมันคือน้ำมัน แต่ค่าไฟ มันไม่ใช่แค่ค่าไฟ มันคือค่าแก๊ส ค่าถ่านหิน ค่าขนส่ง ค่าอะไรต่าง ๆ ที่บวกไว้ในสัญญา ค่าบริหารจัดการเงินกู้ของผู้ประกอบการ และที่สําคัญ ผมคิดว่าทํายังไงจะให้ กฟผ. กลับมาแข็งแรงแล้วก็เป็นหลักให้กับประชาชนในเรื่องของการผลิตไฟฟ้า แล้วกําหนดค่าไฟที่ถูกต้องเป็นธรรมมากขึ้น” นายพีระพันธุ์กล่าว

ด้านนายพลูพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และโฆษก กกพ. กล่าวว่า ข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการปรับลดค่าไฟ 17 สตางค์ต่อหน่วยของ กกพ.เป็นเรื่องนโยบาย ต้องหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการปรับลดค่าไฟลง 40 สตางค์ต่อหน่วย เป็นนโยบายของรมว.พลังงาน ซึ่งต้องดูข้อมูลทั้งหมดว่าจะลดในส่วนใดได้บ้าง กกพ.พร้อมร่วมสนับสนุน
สำหรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 ต้องรอดูต้นทุนค่าเชื้อเพลิงประเภทเชื้อเพลิงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ว่าเป็นอย่างไร ประกอบการพิจารณา ซึ่ง กกพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 7 มี.ค.นี้ ก่อนประกาศอัตราค่าไฟให้มีความชัดเจนอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน