เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงค่าเงินบาทไทยในวันสุดท้ายของปี 2562 เปิดตลาดที่ระดับ 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 29.92 บาทต่อดอลลาร์มากที่สุดในรอบ 6 ปี 9 เดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทปิดตลาดในวันสุดท้ายของปี 2562 ที่ระดับ 30.03 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเทียบการเคลื่อนไหวสกุลเงินภูมิภาคเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งสุด 0.61% ริงกิต มาเลซีย 0.49% วอน เกาหลีใต้ 0.45 % ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.24% รูเปียห์-อินโดนีเซียอ่อนค่า 0.19 % หยวน-จีน 0.13% รูปี-อินเดีย 0.04%

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีมุมมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาย้ำว่าค่าเงินบาทยังแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานและพร้อมดำเนินนโยบายที่เหมาะสม ท่าทีเช่นนี้จะยังคงส่งผลให้ตลาดระมัดระวังต่อไป

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)รายงานดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปิดสิ้นปี 2562 (30 ธ.ค.2562) ที่ระดับ 1,579.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.02% จากสิ้นปี 2561 ที่ SET Index อยู่ที่ระดับ 1,563.88 จุด โดยระหว่างปี 2562 ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,740.91 จุด เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2562 และต่ำสุดที่ระดับ 1,548.65 จุด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2562

ส่วนดัชนี SET50 สิ้นปี 2562 ปิดที่ระดับ 1,068.50 จุด เพิ่มขึ้น 2.26% จากสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,044.92 จุด ดัชนี mai Index สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 309.64 จุด ลดลงจากปี 2561 ปิดที่ 356.44 จุด หรือลดลง 13.13% สำหรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน(SET+mai)ในปี 2562 อยู่ที่ 53,192.02 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 57,673.79 ล้านบาท หรือลดลง -7.77%

ณ สิ้นปี 2562 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (SET+mai) อยู่ที่ 16,962,611.80 ล้านบาท จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 16,219,068.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.58% มีจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดรายใหม่ (SET) 7 ราย ลดลงจากปีก่อนที่มี 21 ราย ทำให้มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 556 บริษัทจากปี 2561 มีบริษัทจดทะเบียน 545 บริษัท โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ 19.40 เท่า ในปี 2562 สูงกว่าปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 14.75 เท่า

ส่วนตลาด mai มีจำนวนที่จดทะเบียนรายใหม่ จำนวน 17 ราย ลดลงจากปีก่อนที่มี 11 ราย ในปี 2561 มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 169 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 159 บริษัท อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ 23.08 เท่าลดลงจากปีก่อนที่มี 44.3 เท่า

มูลค่าการซื้อขายสุทธิ ใน SET Index ของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 52,006.73 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ซึ่งซื้อสุทธิอยู่ที่ 184,264.25 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างประเทศ มีมูลค่าขายสุทธิ 45,244.85 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ที่ขายสุทธิ 287,458.82 ล้านบาท, ผู้ลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มีมูลค่าซื้อสุทธิ 14,873.14 ล้านบาท จากปี 2561 ที่ขายสุทธิ 15,270.91 ล้านบาท ส่วนผู้ลงทุนในประเทศ ขายสุทธิ 21,635.02ล้านบาท จากปีก่อนซื้อสุทธิ 118,465.48 ล้านบาท

ส่วนมูลค่าการซื้อขายสุทธิ ใน mai ของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 666.25 ล้านบาท จากปี 2561 ขายสุทธิอยู่ที่ 2,715.69 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างประเทศ มีมูลค่าซื้อสุทธิ 453.61 ล้านบาท เทียบปี 2561 ที่ขายสุทธิ 236.72 ล้านบาท, ผู้ลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มีมูลค่าซื้อสุทธิ 40.59 ล้านบาท จากปี 2561 ที่ซื้อสุทธิ 618.15 ล้านบาท ส่วนผู้ลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 172.05 ล้านบาท จากปีก่อนซื้อสุทธิ 2,334.25 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน