นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค. 2563) ลดลง 16% มาอยู่ที่ระดับ 85.26 อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเหมือนเดือนก่อน (ช่วงค่าดัชนี 80-119) นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐ รวมถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะที่ปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)

ทั้งนี้ ในเดือนก.ค. ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,328.53 ปรับตัวลดลงเล็ก น้อยจากเดือนมิ.ย. ดัชนีอยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,315-1,377 จุด หลังจากภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2563 โดยภาคธนาคาร ดีกว่าคาดการณ์ การพัฒนาวัคซีนรักษาโควิด-19 มีความคืบหน้า ขณะที่มีปัจจัยฉุดในบางช่วงจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตามจากนี้ ได้แก่ การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั้งของไทยและทั่วโลกที่อาจแย่กว่าคาดการณ์ การประกาศเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/2563 ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐ รวมถึงการระบาดรอบสองของโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตามได้แก่ ความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกกระทรวงการคลังสหรัฐขึ้นบัญชีดำประเทศที่ต้องจับตาเรื่องการแทรกแซงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมากำลังทยอยหมดลง และผลจากการผ่อนคลายธุรกิจระยะที่ 6 ที่จะเริ่มเปิดให้ชาวต่างชาติบางกลุ่มเข้าประเทศไทยได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน