สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 3 พ.ย. 2566 วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway up ปรับตัวขึ้นสูงสุดราว +20 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ขานรับคาดการณ์ว่าเฟด ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แต่มีแรงขายในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีลดช่วงบวกลง โดยมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ไอซีที และกลุ่มอาหาร เป็นต้น นักลงทุนติดตามนายกฯ นัดประชุมความคืบหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,419.76 จุด +15.77 จุด +1.12% มูลค่าการซื้อขาย 45,787.06 ล้านบาท
ทั้งนี้ เดือนต.ค. ที่ผ่านมา ดัชนี Set Index เคลื่อนไหว sideway down ต่อเนื่อง ปัจจัยกดดันมาจาก Bond Yield สหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 5.0% ส่งผลให้มีแรงขายมากในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น ประกอบกับสงครามระหว่างฮามาส-อิสราเอล เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเพิ่มเติม โดยหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม finance ปรับตัวลงจาก Bond Yield ที่อยู่ในระดับสูง แต่มีแรงซื้อในหลุ่มพลังงานต้นน้ำ จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจากสงคราม
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดดัชนี SET เดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้นต่อ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้เม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติชะลอไหลออก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีที่ 1,400-1,480 จุด
ด้านทองคำ เดือนต.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงโดยทำจุดสูงสุดบริเวณ 2,009$/oz เนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่อาจยาวไปยังเลบานอนและอียิปต์ ช่วยหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าวอย่างไรก็ตามกองทุน SPDR เทขาย -14.15 ตัน
สำหรับเดือนพ.ย.นี้ คาดสงครามยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังอิสราเอล ใช้กำลังบุกทางพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา ซึ่งเราคาดว่าสงครามจะยืดเยื้อ เนื่องจากฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาสส่วนใหญ่อยู่ในอุโมงค์ใต้ดินทำให้การเจาะเข้าสมรภูมิดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการรบ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าปัจจจุบันตลาดรับข่าวสงครามเป็นหลัก ขณะที่ตัวเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งสามารถกดดันทองคำได้เพียงระยะสั้น โดยราคาทองคำมีแรงรีบาวด์กลับจากเรื่องสงคราม ระหว่างเดือนหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,960$/oz แนะนำ ซื้อ
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด