“จตุพร” นำคาราวานรถกว่า 10 คัน บุกเมืองนนท์ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรค เพื่อชาติ หาเสียง ท้า “บิ๊กตู่” เลิกคิดเป็นนายกฯ ถ้า พลังประชารัฐ ได้ไม่ถึง 126 ที่นั่ง ซัด กกต. ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองอื่นอย่างไร ต้องปฏิบัติต่อ พปชร. ด้วย

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงทั้ง 6 เขตของพรรค โดยใช้คาราวานรถปราศรัยกว่า 10 คัน ซึ่งเริ่มต้นจากลานท่าน้ำปากเกร็ด ตลาดท่าน้ำปากเกร็ด ไปตลาดดวงแก้ว จากนั้นขึ้นรถแห่วนเขต 4 และเขต 1 ก่อนตลาดประชานิเวศน์ 3 ต่อด้วยตลาดท่าน้ำนนท์ แล้วขึ้นรถแห่วนในเขต 2 เขต3 เขต 5 และเขต 6

นายจตุพร กล่าวถึงการจัดคาราวานหาเสียงในจ.นนทบุรีวันนี้ว่า เรามาเพื่อขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องชาวนนทบุรี ซึ่งปกติก็เป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเราอยู่แล้ว ขอให้เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของเราทั้ง 6 เขต ทั้งนี้ ยอดการลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตที่มีจำนวนมากนั้น สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการการเลือกตั้ง ทั้งที่อนาคตก็ยังมีความกังวลอยู่ แต่ประชาชนก็ขอแหวกด่านเผด็จการด้วยการเลือกตั้ง และไปตายเอาดาบหน้า

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ดังนั้นวันนี้ตนอยากเสนอไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่าในฐานะที่แม่น้ำ 5 สายได้ออกแบบรัฐธรรมนูญ​ให้ท่านสามารถแต่งตั้งส.ว. 250 คน เพื่อมาเลือกตัวท่านเองได้ ท่านต้องการเสียงเพียง 126 เสียงเท่านั้น ตนจึงขอท้าทายไปยัง พล.อ.ประะยุทธ์ว่า แม้ว่าท่านจะได้เปรียบ และเอาเปรียบทุกวิถีทางแล้ว หากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งประกาศตนว่าจะได้ 150 ที่นั่ง

“หากพรรคพปชร.ได้ไม่ถึง 126 ที่นั่ง พล.อ.ประยุทธ์ต้องถอนตัวจากการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องยุติความคิดที่จะเป็นนายกฯ และต้องสื่อสารไปยัง ส.ว.ที่ท่านแต่งตั้งให้ทำเจตนารมณ์ของสภาฯ หมายความว่า ส.ส.รวบรวมเสียงได้เกิน 250 เลือกใครเป็นนายกฯ วุฒิสภาต้องทำตามนั้น ซึ่งหากท่านรับคำท้า ประชาชนจะได้ตอบโจทย์ท่านกันได้ถูก ซึ่งผมเชื่อว่ายังไงก็เดินไม่ถึง 126 ที่นั่ง และจะห่างไกลมาก” นายจตุพร กล่าว

เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุที่ทุกพรรคการเมืองจะต้องวิพากษ์วิจารณ์ท่านได้ เพราะ 1.ท่านเป็นนายกฯ เป็นหัวหน้าคสช. และมีความประสงค์ที่จะสืบทอดอำนาจต่อ ถ้าไม่วิพากษ์วิจารณ์พล.อ.ประยุทธ์แล้วจะให้ไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร ในอดีตใครเป็นนายกฯ เมื่อมีการยุบสภาฯ มีการเลือกตั้ง เขาก็วิพากษ์วิจารณ์นายกฯ คนนั้นได้ทุกสมัย ไม่ใช่เรื่องที่แปลก

นายจตุพร กล่าวว่า หากท่านไม่ต้องการให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ ท่านก็ลาออกแล้วกลับไปอยู่บ้าน เพราะการเสนอตัวเป็นายกฯ ซึ่งท่านนั่งมาฟรีๆ โดยไม่ได้เสนอตัวกับประชาชนมา 5 ปี ท่านต้องทนกับการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนได้บ้าง เพราะหากท่านเข้าสู่สภาฯ จริงๆ ท่านจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักกว่านี้หลายเท่า วันนี้ท่านเอาเปรียบมามากพอแล้ว ทหารก็ได้งบประมาณในสัดส่วนที่มากกว่าสัดส่วนของประชาชนมามากพอแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาป้องผบ.ทบ.เรื่องเพลง นายจตุพร กล่าวว่า ความจริงพล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นนักประพันธ์เพลง และเพลงที่ดังที่สุดคือเพลงคืนความสุขที่ตอนนี้ไม่กล้าเปิด เพราะไม่ทำตามสัญญาเหมือนที่ในเพลงระบุ ดังนั้นการที่ท่านสนับสนุนการเปิดเพลงหนักแผ่นดิน ไม่ว่าจะสนับสนุนตัวบุคคลที่มาพูดเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ตนคิดว่าท่านรู้ประวัติศาสตร์ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เอาไว้ปลุกปั่นให้คนไทยฆ่ากัน และได้ผลจริงๆ

“เริ่มที่ปี 18 จนนักศึกษาต้องหนีเข้าป่า วันนี้การเอาเพลงหนักแผ่นดินมาเปิดตามที่ทำงานของทหารต้องการอะไร ต้องการให้คนไทยฆ่ากันอีกหรือ ไหนว่าต้องการปรองดอง เพลงหนักแผ่นดินไม่ใช่เพลงสร้างความปรองดอง แต่เป็นเพลงสร้างความแตกแยก และสร้างความชิงชังให้เกิดขึ้นในชาติ” นายจตุพร กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาขอความร่วมมือนักการเมืองหาเสียงแบบสร้างสรรค์ อย่าสาดโคลน นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปยึดแชมป์เขามาและครองแชมป์มา 5 ปี วันนี้ยังอยากจะเป็นแชมป์ต่อ ในขณะที่พรรคการเมืองเขาต้องเสนอว่า 4 ปีต่อไปจะทำดีกว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่างไร ซึ่งหนึ่งในนั้นคืองบประมาณของกองทัพ ที่ 5 ปีที่ผ่านมาใช้ไปกว่า 1 ล้านล้านบาท

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่สอดคล้องกับความยากจนของคนไทย พรรคการเมืองจึงเสนอแนวทางว่าเขาจะแก้ปัญหาความยากจนนี้อย่างไร และแนวทางหนึ่งก็คือการลดงบประมาณของกองทัพลง แล้วเอาไปแก้ไขด้านอื่น เพราะวันนี้ประเทศไม่มีศึกสงคราม แต่หากวันไหนประเทศมีศึกสงคราม ตนเชื่อว่าคนไทยให้กองทัพมากกว่าอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกรณีที่หลายฝ่ายดำเนินการร้องยุบพรรค พปชร. นายจตุพร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญออกแบบลักลั่น จนหัวหน้า รองหัวหน้า เลขาธิการ และโฆษกพรรคพปชร. ไม่สามารถลงส.ส.ได้สักคนเดียว ก็สอดคล้องมายัง พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และหัวหน้าคสช.ที่ให้คุณให้โทษได้อย่างครบถ้วน ขนาดนายกฯ อบจ. นายกฯส่วนท้องถิ่นยังไม่สามารถดำเนินการกันได้

นายจตุพร กล่าวอีกว่า แต่วันนี้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสถานะที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนจะไม่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ผิดกฎหมายชัดเจนแล้ว แต่ กกต. มีหน้าที่เป็นไปรษณีย์ที่ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยด้วยความรวดเร็ว ว่าสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ขัดรัฐธรรมนูญที่จะเข้าไปเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพปชร.หรือไม่ ทุกอย่างจะได้จบ ขัดรัฐธรรมนูญที่จะเข้าไปเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพปชร.หรือไม่ ทุกอย่างจะได้จบ

“ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองอื่นอย่างไรก็ปฏิบัติต่อพรรคพปชร.อย่างนั้น เพราะหากลาออกตามที่ทุกฝ่ายเรียกร้องมาตั้งแต่ต้นปัญหานี้ก็จบไปแล้ว ผมเห็นว่าวันนี้ต้องมีความชัดเจนตามกฏหมายซึ่งเป็นกฎหมายที่พวกท่านเขียนขึ้นมาเอง ท่านจะทำผิดกฎที่ท่านเขียนขึ้นมาเองหรือ ทั้งนี้ กรณีของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ก็เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย กรณีของพรรคพปชร. ก็เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย เพียงแต่ความยุติธรรมที่ไม่เท่าเทียมจะกลายเป็นความสองมาตรฐานรอบใหม่ ปฏิบัติต่อพรรคทษช.อย่างไร ก็ควรจะปฎิบัติต่อพปชร.อย่างนั้น ประเทศก็จะเดินไปได้ ควรจะปฏิบัติอย่างเสมอภาคกัน” นายจตุพร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน