เพื่อชาติ ลุยหาเสียงลาดพร้าว ชูประเทศ-ชีวิตประชาชนดีขึ้น ถ้าไม่มี คสช.

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ และคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ นำคณะลงพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงช่วย น.ส.วีรินทร์ ตันเสรีกุล เบอร์ 1 ผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 ลาดพร้าว วังทองหลาง

โดยคณะได้สักการะศาลพระพรหม หน้าห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ก่อนขึ้นรถหาเสียงวนรอบเขตลาดพร้าว และพบปะประชาชนที่ตลาดสะพาน 2 ลาดพร้าว 47 ต่อด้วยพบปะพี่น้องประชาชนบริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี โชคชัย 4

นายจตุพร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงใน กทม.นั้น เขตการเลือกตั้งใกล้เคียงกันมาก เช่นบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียลเวิลด์ ลาดพร้าวสองฝั่งคนละเขต ถัดไปก็เป็นอีกเขต ตนมองว่าจะทำให้เกิดความสับสนกับประชาชนต่อการตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง จึงมาขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เพื่อเพิ่มคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งผู้สมัครในเขตนี้ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีบุคลิกภาพที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกสภาฯ ที่ดีได้

ทั้งนี้ ความเป็นพรรคเพื่อชาติไม่ได้เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ แต่เป็นพรรคการเมืองที่ต้องการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยความไม่หวือหวาแต่จะใช้เวลาในการทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้เห็นความตั้งใจระยะเวลาที่เหลืออีก 27 วันนี้ ตนเชื่อว่ายังมีเวลาพอ ดังนั้นจะไม่พูดว่าจะได้กี่เสียงไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด

ขณะที่แต่ละพรรค เช่น พลังประชารัฐ หรือ พปชร. ประกาศตัวว่าจะได้คะแนนจากประชาชน ถึง 150 เสียง พรรคนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังรวมประชาชาติไทย ก็ประกาศว่าจะได้ 50 เสียง แต่พรรคเพื่อชาติเชื่อว่าแนวทางนโยบาย เรื่องการฟื้นคืนประเทศไทย เรื่องการสร้างประชาธิปไตย และก้าวไปด้วยกันนั้น คือความจริงของบ้านเมืองในขณะนี้

ดังนั้นโค้งสุดท้ายถึงจะรู้ว่าพรรคเพื่อชาติจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง จึงไม่ขอประเมิน เพราะว่าเรายังเป็นเรือลำเล็กอยู่ แต่รู้ว่าจะต้องหาปลาอย่างไรและกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน ซึ่งเรือใหญ่อาจจะกวาดไปทีเดียว แต่พรรคเพื่อชาติไม่มีศักยภาพถึงขนาดนั้น เพราะข้อจำกัดเรื่องของงบประมาณหรืออำนาจรัฐ จึงจะเหลือแต่พื้นที่หัวใจที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวบนเวทีปราศรัยที่จ.สมุทรปราการ โดยเป็นคำถามกับประชาชนว่า “ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ใครไอ้หน้าไหนจะหยุดความขัดแย้ง” นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้โอกาสมาแล้ว 5 ปี และคนที่ประกาศก็คือคนที่อยู่กับพล.อ.ประยุทธ์มายาวนาน 5 ปีเช่นกัน

ตนขอยืนยันว่าทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือเพื่อสร้างความปรองดองกับพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด แต่สุดท้ายแล้วความปรองดองก็เกิดขึ้นไม่ได้เพราะพล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม คนที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง สังคมไทยต้องติดตามกันให้ดี เหมือนที่เราพูดกันมาฝ่ายความมั่นคง ไม่ต้องการให้ประเทศเกิดความมั่นคง ถ้าประเทศมีความมั่นคง ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่รู้จะทำอะไร

เช่นเดียวกับความแตกแยก วันนี้คือความเห็นต่างเหมือนนายสุเทพประกาศชัดเจนว่าไม่ร่วมมือกับตระกูลเพื่อแต่ความจริงนั้นวันนี้ไม่ใช่เรื่องตระกูลเพื่อ แต่เป็นเรื่องว่าจะเอาพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ มีสองฝ่ายเท่านั้นในทางการเมือง

และตนเชื่อว่าคนที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐขาด พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ แต่หากประชาชนขาดพล.อ.ประยุทธ์ ชีวิตประชาชนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน