เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยความพร้อมโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง มั่นใจ มาที่1 พร้อมเต็มร้อย ตั้งรัฐบาลแนวร่วมประชาธิปไตย

เรื่องนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า มาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งแล้ว ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ต้องเผชิญกับสภาวะต่างๆ ที่ค่อนข้างหนักหน่วง และรุนแรงจากประสบการณ์การทำงานทางการเมืองของผม เพราะมีการใช้กลไกอำนาจต่างๆ ค่อนข้างมาก ใช้ทุกกระบวนการในการเอื้ออำนวยให้ฝ่ายผู้มีอำนาจจะสามารถที่จะอยู่ต่อไป

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

ความจริงการที่เป็นผู้บริหารประเทศ ทำงานมาระยะหนึ่งแล้วการจะพยายามให้ได้อยู่ทำงานต่อไปไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร แต่ต้องเป็นกระบวนการที่ปกติ และให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ หากความสามารถในการบริหารประเทศมีมาก และสามารถแก้ปัญหาได้ถูกใจพี่น้องประชาชนกระบวนการที่จะกลับมาจะเป็นกระบวนที่ประชาชนได้เลือก ได้ตัดสินใจ ได้ยอมที่จะให้เข้ามาทำงานต่อเนื่องต่อไป

แต่ผมคิดว่าขณะนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจคิดเองว่าตัวเองอยากเห็นสังคมไทยไปในทิศทางไหน หรืออยากแก้ปัญหาอะไรต่างๆมากมาย พอทำงานไประยะหนึ่งถึงเวลาที่ต้องเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้มีโอกาสได้คิด ได้ตัดสินใจ กลับสร้างกระบวนการและกลไกต่างๆ มาเพื่อเอื้อให้ตัวเองได้อยู่ต่อ ที่พูดแบบนี้เพราะการดำเนินการต่างๆ ของคณะผู้บริหารในปัจจุบัน ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เป็นองค์ประกอบที่ร่วมมือกันเข้ามาดูแลประเทศในช่วงที่ผ่านมาตามที่เป็นข้ออ้าง

ซึ่งผมไม่คิดว่าการเข้ามาสู่อำนาจของคณะผู้มีอำนาจปัจจุบัน เป็นการเข้ามาสู่อำนาจแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเราเริ่มได้เข้าใจ และรับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ทั้งจากที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดเองและจากกลไกที่มีส่วนในการเกิดเหตุการณ์ต่างๆพูดเอง ทุกอย่างคือการร่วมมือ และช่วยเหลือกันให้มาถึงวันนี้ มีการเตรียมการมานานมากกว่า 6 เดือนก่อนหน้าที่จะรัฐประหาร

มีคนเคยบอกไว้ “ลุง” อยากอยู่ยาว?

ดังนั้นทุกเรื่องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกระบวนการที่ทำให้คนคิด และรู้สึกว่าประเทศไม่มีกฎ ไม่มีระเบียบทางสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีความวุ่นวาย รัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีการจัดวางบุคลากรที่ชัดเจน และมากเพียงพอ กลุ่มคนที่เป็นนักกฎหมายที่เคยรับใช้กระบวนการยึดอำนาจด้วยวิธีพิเศษก็เข้ามาร่วมมือกัน สิ่งที่ฟ้องได้อย่างชัดเจน คือกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน อดีตประธานกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาบอกว่า “เขาอยากอยู่ยาว” แปลว่าเขาไม่พอแค่นี้

แต่เขาต้องการรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาให้สามารถกระชับ รัดกุม และทำให้เขาสามารถสืบทอดอำนาจได้มากกว่านี้ จึงเปลี่ยนมาใช้มือกฎหมายระดับปรมาจารย์ที่เคยมีบทบาท และมีผลงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจพิเศษ ตรงนี้ก็เห็นได้ชัด ผมจึงคิดว่า ประเทศไทย และสังคมไทยต้องไม่ตกอยู่ในหลุมพรางของวาทกรรมเรื่องกลัวความวุ่นวาย และความสงบ ที่รัฐบาลหรือพรรคการเมืองบางพรรคพยายามจะพูดว่า ถ้าขืนเลือกไม่ดี หรือไม่เลือกกลุ่มที่มีอำนาจปัจจุบันบ้านเมืองจะวุ่นวายต่อไป อันนี้เป็นวาทกรรมที่กดบทบาทของพี่น้องประชาชน

ผมคิดว่าสังคมไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วาทกรรมกที่พูดถึงเรื่องความวุ่นวายที่ไม่มีอนาคตไม่ได้เป็นทางแก้ปัญหา ความสงบคือความสงบชั่วคราวที่กดพลังของพี่น้องประชาชน กดพลังการตรวจสอบของสังคม และเปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้มีอำนาจดำเนินการต่างๆโดยไร้กระบวนการตรวจสอบ ท่านจะเห็นว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา กระบวนการที่จะดำเนินกิจการต่างๆไปนั้น หลายเรื่องเป็นปัญหาที่คลางแคลงใจประชาชน และหลายเรื่องที่ประชาชนไม่สบายใจ

ซึ่งในหลายๆ เรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกพ้องของผู้มีอำนาจที่การตรวจสอบไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย แต่การตรวจสอบกลับถูกใช้ผ่าน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือตรวจสอบผู้เห็นต่าง อย่างที่เมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เพื่อให้เห็นว่า

เวลานี้มีการเข้าไปตรวจสอบ ควบคุม และคุกคามพรรคฝ่ายประชาธิปไตยโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เป็นเป้าหมายที่ถูกกระทำ มีการใช้กำลัง ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังทหาร และกำลังฝ่ายปกครองเข้าไปตรวจสอบผู้สนับสนุน หรือผู้ปฏิบัติงานของพรรคการเมืองในหลายๆจังหวัด ที่บางพรรคการเมืองสู้กับพรรคเพื่อไทยแล้วอยู่ในจุดที่มีความต่อสู้ที่ยากลำบาก ซึ่งกระบวนการแบบนี้เป็นกระบวนการที่ใช้อำนาจกดให้บรรยากาศแห่งความหวาดกลัว

พรรคเพื่อไทยเราได้รับรายงานจากผู้สมัครของเราทั้งหมดว่า มีกระบวนที่ใช้มอเตอร์ไซค์ มีชายแปลกหน้า มีกลุ่มบุคคลไปวนเวียนอยู่หน้าผู้สนับสนุนพรรคเราในพื้นที่ต่างๆ ค่อนข้างมาก การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ใช้กลไกทุกอย่างในการที่จะคุกคามผู้ที่เห็นต่าง เพื่อให้ตัวเองสามารถบรรลุเป้าหมายแล้วอยู่รอดได้ ดังนั้น ด้วยบรรยากาศแบบนี้จะหาว่าผมกล่าวหาก็ต้องมาพิสูจน์กัน

ผมเห็นว่า การดำเนินการต่างๆ ที่ว่ามานี้ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ปกติของระบบการเมือง 5 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้นำมาเปิดเป็นแคมเปญในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราชี้ให้เห็นว่าเราเข้าใจสิ่งที่พี่น้องประชาชนเผชิญอยู่ เราเชื่อว่าขณะนี้ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ล้าหลัง ล้มเหลว และสิ้นหวัง จึงเป็นแคมเปญแรกที่เราเกิดขึ้น

ซึ่งไม่ใช่การปลุกระดม ไม่ใช่การที่ใครจะมาพูดอะไรได้ถ้าคนไม่รู้สึกเช่นนั้น ถ้าท่านฟังฟากฝ่ายรัฐบาลก็จะบอกว่า เศรษฐกิจต่างๆมันดีแล้ว แต่ถ้าถามความรู้สึกประชาชนโดยทั่วไปทุกพื้นที่ หรือในกิจการค้าขายต่างๆ ในเอสเอ็มอี ในโรงแรมต่างๆที่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวสิ่งที่จะได้รับการสะท้อนออกมาคือสิ่งที่อยู่บนป้ายพรรคเพื่อไทย ทุกอย่างย่ำแย่ไปหมด รวยกระจุก จนกระจาย ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำทุกตัว บรรยากาศเหล่านี้ไม่ใช่บรรยากาศที่มาปลุกระดมหรือเสแสร้งกันได้ ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยรอวันเวลาให้ประชาชนตัดสินว่า ในสภาวะที่เราไม่ได้สร้างเงื่อนไขนี้

เราอยู่บนความสงบที่มีอนาคตหรือเปล่า ความสงบที่พวกคุณพูดถึงและสร้างให้คนกลัวนั้นเป็นความสงบที่ไม่มีอนาคต ไม่สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ เป็นความสงบที่ไม่สร้างโอกาส และความหวังให้กับชีวิตให้กับผู้คน วันนี้เราเชื่อว่าเรานั่งอยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชน เราเชื่อว่าสิ่งที่เราพูดมันตรงใจ ตรงประเด็น และตรงกับความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ผมคิดว่า คนส่วนใหญ่ทุกคนสัมผัสได้ว่ากำลังซื้อของประชาชนไม่มี ชีวิตแบบนี้ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ถ้ากระบวนการเลือกตั้งยุติธรรมพอ ผมไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาบริหารประเทศ

ผมอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ฝากความหวังไว้ที่พี่น้องประชาชนได้เท่านั้น เพราะองค์กรอิสระต่างๆ ผมก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรม และเต็มที่ เพราะอย่างวันนี้กลไกขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมยังไม่เห็นอะไรที่แอคทีฟเลย มีคนมาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 2 ล้านคน แต่คุณบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่มีการคาดการณ์ ไม่คาดการณ์ได้อย่างไร คน 2 ล้านกว่าคนเขามาลงทะเบียนไว้แล้ว แต่คุณไม่ได้มีการเตรียมการรับมืออะไร แล้วปล่อยให้มีกระบวรการแม้กระทั่งการทำผิดซึ่งหน้าเกิดขึ้น

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการที่บกพร่อง ล้มเหลวขององค์กรอิสระ หรือเกิดจากความตั้งใจเผื่อให้เมื่อพรรคฝ่ายประชาธิปไตยชนะแล้วใช้เป็นข้ออ้างในการล้มให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เกิดกระบวนการที่เป็นแบบนี้ไปเพื่อให้เกิดความสับสน เพราะดูแล้วไม่ใช่เหตุบังเอิญ มีวิธีคิดหลายอย่างที่จะทำให้กระบวนการต่างๆ ทำได้ง่ายกว่านี้ ทำให้เกิดความคล่องตัวกว่านี้ หรือทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายกว่านี้ ก็ถูกบิดเบือนไป แล้วทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อน

เราไปพบ กกต. เพื่อสอบถามว่าคุณจะรับมือกับสิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างไร เราเป็นห่วง ที่ได้รับคำตอบคือ ทุกอย่างเป็นความลับ ต้องปกปิดเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์ว่ามีการไปล้อมหน่วยเลือกตั้งเหมือนอย่างในอดีต ซึ่งเป็นการเองเหตุการณ์ในอดีตมาอ้างเพื่อลดความโปร่งใสที่ควรจะเป็น ทั้งที่รัฐธรรมนูญก็ระบุให้คุณต้องประกาศให้สังคมรับรู้ และเข้าใจ หากคุณทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย แล้วใครเขาจะมาล้มการเลือกตั้ง

ดังนั้น กระบวนการทุกอย่างเกือบทั้งระบบทำให้เกิดความไม่สบายใจ และเกิดความคลางแคลงใจทั้งหมด ที่มาอ้างว่าหากให้ทุกอย่างสงบต้องจบที่ “ลุงตู่” ผมว่าผิด ผมว่า “ลุงตู่” นั่นแหละที่ควรจะจบ แล้วกลับบ้าน ไปพร้อมกับ “ลุงป้อม” และทุกๆคน เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่

วันนี้ปัญหาทั้งหมดที่เป็นอยู่อยู่ที่ความเชื่อใจ จริงๆแล้วกระบวนการของระบอบประชาธิปไตยเป็นกระบวนการที่จะสร้างความมั่นใจ และสร้างความเชื่อใจให้สังคม เป็นระบบเปิด ที่ให้มีการตรวจสอบอย่างทั่วถึง กว้างขวาง ประชาชนมีส่วนรับรู้ และตัดสินใจ การเปิดให้การเลือกตั้งเป็นกระบวนประชาธิปไตยอย่างแท้จริงจะทำให้สังคมเกิดการยอมรับ ต่างประเทศก็ไว้วางใจ

แต่วันนี้กระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นเหมือนทำให้เป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งไม่ตอบโจทย์ในการแก้ปัญหา และไม่ใช่ทางออกของประเทศ ผมคิดว่า ต้องหยุดกระบวนการต่อท่ออำนาจของเผด็จการให้ได้ ถ้ายังหยุดไม่ได้จะเป็นปัญหาต่อสังคมไทย

ทั้งนี้ ปี ค.ศ. 2020 นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกกำลังจะมา ถ้าสังคมไทยยังไม่มีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นปัญหา วันนี้ทางออกของสังคมไทยจะต้องทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย เพื่อสร้างความมั่นใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจให้เห็น ประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตยที่โลกเขายอมรับ

วันนี้พรรคเพื่อไทย เราตัดสินใจที่จะต้องแสดงความคิดของเรา และเสนอตัว โดยการบอกว่า สภาวะที่ย่ำแย่ควรพอได้แล้ว และควรหยุดกระบวนการนี้ ได้เวลาของการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลได้อย่างแท้จริง

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

วันนี้เรากำลังสู้กันระหว่างระบบคิดที่จะทำให้อำนาจแบบเดิม วิธีคิดแบบเดิม และสภาพเศรษฐกิจแบบเดิมดำรงอยู่ กับวิธีคิดที่ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องแก้ไข และต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงให้ได้ เพราะหากเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะต้องอยู่แบบเดิมไปอีกนาน เพราะมีการใช้วิธีคิด แบบเดิมๆ และยุทธศาสตร์ 20 ปี รวมถึงกลไกต่างๆเข้ามาควบคุมมากมาย

ดังนั้น เวลานี้เป็นเวลาที่สำคัญมากในการคิด และตัดสินใจ เราเชื่อว่าประชาชนจะหาทางออกให้ประเทศได้ สิ่งที่เราเสนอวันนี้คือท่านต้องตัดสินใจด้วยวิจารณญาณอย่างเต็มที่ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ของท่าน ท่านต้องเอาชนะกับกลไกอำนาจที่มากมายที่กดทับความต้องการของประชาชน ท่านต้องตัดสินใจสู้กับความเตรียมพร้อมของระบบอำนาจเดิมที่มีผู้แทนเป็น ส.ว. 250 คนที่รอตัดสินใจไปตามที่เขาต้องการ ดังนั้น การตัดสินใจของประชาชนต้องเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เพียงพอ และมากที่จะไปเปลี่ยนแปลงอำนาจที่วางโครงสร้าง และครองคลุมสังคมไทยอยู่

เพื่อไทยพร้อมที่สุด ?

เราเสนอตัวว่าเราเป็นพรรคที่มีความพร้อมมากที่สุดในการทำงาน ดังนั้นต้องเลือกเราให้เป็นแกนนำต่อสู้กับ 250 ส.ว. จึงเป็นเหตุผลที่เราเสนอตัวให้ประชาชนเลือกเราอย่างถล่มทลาย ใช้พลังเสียงของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ให้พลังฝ่ายประชาธิปไตยสู้กับพลังอำนาจเดิมให้ได้ นี่คือหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งในครั้งนี้ และเราพร้อมทำงานถ้าเรามีมือในสภาฯ ที่มีอำนาจมากเพียงพอ เรามีกลไก เรามีคนที่มีความคิดพร้อมที่จะเดิน หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการออกจากวิกฤติ 5 ปีที่พวกท่านเผชิญกันมา ออกจากสภาพเดิมๆ

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

ดังนั้นที่พรรคเพื่อไทยต้องทำ คือ

1.ปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ของประเทศเพื่อปลดเปลื้องพลังการผลิตและเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตขึ้น เราจะจัดการโครงสร้างหนี้ทั้งระบบตั้งแต่หนี้เกษตรกร กลุ่มเอสเอ็มอี เราจะเพิ่มกำลังซื้อให้เกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากทั้งหมด

2.เราจะเติมเงินเข้าระบบเพื่อสร้างกำลังการผลิตของทุกคน ถ้ากำลังซื้อฐานรากเติบโตก็จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบได้

3.การปลดพันธนาการอุปสรรคต่างๆ เราพบว่ากลไกที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเติบโตของภาคประชาชน การเติบโตของกลไกระบบทุนนิยมต้องถูกปลดเปลื้องให้มีอิสรภาพอย่างเข้มแข็งและแข็งแรงอย่างเต็มที่ การใช้รัฐกึ่งรัฐทหารไม่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ดังนั้นเราอยากให้ประชาชนให้โอกาสเรา เราพร้อมดูแล เช่น การปรับกลไกอุตสาหกรรม กลไก อย. กลไกเศรษฐกิจดิจิตัล เป็นต้น ซึ่งวันนี้ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ลดการควบคุมดูแลให้มีความคล่องตัว โลกทุกวันนี้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้ทั้งสิ้น

4.การปรับโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบ ทุกอย่างอยู่ที่วิธีคิดโดยกลไกที่มีอยู่ ทรัพยากร งบประมาณมีเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับคนที่บริหารและวิธีคิดในการมองปัญหา

อย่างเช่นหวยบำเหน็จ

ถ้าคุณมองแบบเดิมก็แค่การเสี่ยงโชค เล่นหวย แต่เราหยิบวัฒนธรรมไทยที่ชอบเสี่ยง ชอบลุ้นมาทำร่วมกับการออมของคนสูงวัย เปลี่ยนมุมมองวิธีคิดนิดเดียว คุณสามารถครีเอทออกมาได้ โครงการนี้จึงเป็นเหมือนกลไกหนึ่งในการระดมเงินออมของประชาชน เพื่อดูแลสวัสดิการของตัวเองในอนาคต

ที่เรากล้าทำเพราะกลไกสลากกินแบ่งได้กำไรทั้งนั้น เพราะคนส่วนใหญ่คือคนที่ไม่ถูกรางวัล ซึ่งแทนที่จะให้งบไปถูกใช้แบบอิลุ่ยฉุยแฉกกับกลุ่มเจ้ามือหวยใต้ดินหรือกับหน่วยงานรัฐต่างๆ เราก็นำมาใช้พัฒนาเป็นเงินออม หรือเรื่องของรถไฟฟ้าความเร็ว

ที่เคยมีวิธีคิดว่าต้องให้ถนนลูกรังหมดไปก่อนนั้น เป็นวิธีคิดแบบเก่า แบบไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก การสร้างเครือข่ายคมนาคมทั้งระบบ ควบคู่กับวิสัยทัศน์การกระจายความเจริญและการพัฒนาเมืองที่จะเกิดขึ้น รถไฟฟ้าคือการเข้าถึงติดต่อสื่อสารด้วยความเร็วในเวลาจำกัด เมื่อความเร็วมาถึง ระยะทางไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัญหา คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น

ดังนั้นสิ่งสำคัญในสังคมไทยคือการปรับระบบวิธีคิดในการจัดการวิถีชีวิต เราเชื่อว่าต้องลงทุนกับระบบใหญ่ๆ เช่น ระบบน้ำ ระบบเครือข่ายคมนาคม ระบบฟีดเดอร์ ระบบการผลิต เป็นต้น เรากำลังคิดถึงการปรับโครงสร้างทั้งระบบของสังคมไทย โครงสร้างการผลิตต้องเปลี่ยนแปลง

เช่น ชาวนามีที่นามากมาย แต่ผลิตแล้วไม่สามารถหาตลาดได้ดี ไม่มีระบบรองรับ ไม่มีระบบน้ำดูแล ทำให้สินทรัพย์ไม่มีความหมาย ราคาพืชผลการเกษตรก็ตกต่ำ อยู่ในวงจรแบบนี้ปีแล้วปีเล่า ก็ต้องมาปรับราคาพืชผล ดูแลน้ำแล้ง ดูแลน้ำท่วม ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้องลงทุนกับระบบโครงสร้างใหญ่ทั้งระบบ จัดความสัมพันธ์ทั้งระบบโครงสร้างการผลิต ระบบคมนาคมขนส่งเครือข่ายทั้งระบบ ทั้งหมดอยู่ในแผนที่เราจะทำ

รัฐบาลแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ

การเลือกตั้งครั้งนี้ท่านจะไม่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอโครงการยิบย่อยเหมือนคนอื่นๆ เลย แต่เราเสนอระบบคิดทั้งระบบที่ต้องเปลี่ยนแปลง เราจึงเสนอให้เลือกเรา เพราะเราเคยมีประสบการณ์ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว เลือกเราเพราะเรามีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เลือกเราเพราะเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นระบบที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคน

และจำเป็นต้องเลือกเราเพราะเราคิดว่าเราจะได้อันดับ 1 แต่จะยังไม่มากเพียงพอในการต่อสู้กับกลไกสืบทอดอำนาจผ่าน 250 ส.ว.ดังนั้นเราต้องการให้ประชาชนตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ที่จะต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศ เพื่อรวมกำลังของฝ่ายประชาธิปไตยเอาชนะให้ได้

ดังนั้นการได้ที่นั่งในสภาฯ ที่มีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเป็นพรรคนำ และสามารถรวบรวมเสียงฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง จึงเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งนี้ เรากำลังเสนอสิ่งที่เป็นปัญหาต่อสังคมไทยว่าจะเอาระบบเดิมที่ลุงๆ ทั้งหลายทำงานมาหรือจะเอาลุงๆ กลับบ้านแล้วให้เรามาทำงาน ซึ่งเราพร้อมยึดเจตจำนงของพี่น้องประชาชน ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทย ทำให้สังคมไทยหลุดพ้นจากวิกฤติได้

วันนี้เราประกาศตัวว่าเราพร้อมเป็นรัฐบาลและพร้อมจัดตั้งแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อให้รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยฝ่าวิกฤตไปได้

ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงเกิน 250 ฝ่ายที่เป็น ส.ว.250 คนต้องพิจารณา ถ้าตัดสินใจเป็นอย่างอื่นเท่ากับว่าผู้มีอำนาจกำลังตัดสินใจสวนทางกับเจตจำนงของประชาชนทั้งประเทศตรงนี้มีความหมายและมีความสำคัญ ถ้าพี่น้องประชาชนเข้าใจเจตจำนงนี้ ไม่เลือกพรรคของฝ่ายผู้มีอำนาจ ถ้าได้คะแนนเสียงน้อย ตนคิดว่าลุงๆ ทั้งหลายไม่มีสิทธิและความชอบธรรมในการเดินหน้าต่อ

ผมไม่เชื่อว่าฝ่ายของลุงจะได้คะแนนเกิน 100 เสียง ผมไม่เชื่อว่าพรรคที่ทำตัวไม่ชัดเจนประกาศตัวคลุมเครือ เดี๋ยวบอกว่าไม่เอาลุงตู่แต่ยังจะเอาพรรคพลังประชารัฐ ความไม่ชัดเจนแบบนี้ก็จะได้ไม่ถึง 100 เสียง ดังนั้นเชื่อว่าจะได้น้อย ทั้งนี้ แม้ว่าฝ่ายลุงได้เสียงเกิน 125 เสียง แต่ถ้าในสภาฯ ฝั่งของประชาธิปไตยได้เกิน 250 เสียง ผมมองว่าฝ่ายลุงก็บริหารประเทศยาก

ผมมองว่าสังคมไทยต้องพ้นวิกฤตแบบลุงๆ ไปได้แล้ว ลุงควรกลับบ้านไปได้แล้ว

แต่ถ้าฝ่ายลุงได้ไม่ถึง 100 เสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้เกิน 100 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนให้ลุงสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่ วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่กล้าตัดสินใจ แต่คุณก็ต้องไปจัดการความชัดเจนภายในพรรค ว่าจะยืนอยู่ฟากไหนเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ส่วนพรรคเพื่อไทยเราชัดเจนเราไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ เราไม่สนับสนุนพรรคลุงตู่ เราอยากให้ลุงตู่กลับบ้าน

จับมือกับ ประชาธิปัตย์ ไม่ได้เหรอ?

ถามว่าจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ไหม พรรคนี้มีเงื่อนไขของเขาเยอะ แต่พรรคเพื่อไทยมีธงชัดเจนว่าเราจับมือกับฝ่ายประชาธิปไตย และใช้เจตนารมณ์ของประชาชนที่มอบให้เบื้องต้นในการหาทางออกของประเทศ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะไปร่วมฝั่งลุงเพื่อเป็นรัฐบาล ก็เชิญพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลภายใต้อุ้งมือของทหารให้เต็มที่ เราไม่พร้อมจับมือร่วม ยึดมั่นฝ่ายประชาธิปไตย เราพร้อมจะทำทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพี่น้องประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เงื่อนไขของเรา แต่ประชาธิปไตยเป็นตัวแปรของเรา เราต้องเอาประชาธิปไตยให้ได้ สังคมไทยจึงจะพ้นวิกฤติ

ผมเชื่อว่าวันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยจะจับมือกันได้เกิน 250 เสียงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ผมเชื่อมั่น ถ้าการเลือกตั้งไม่มีกลไกลพิเศษเข้าไปจัดการ และต่อให้ฝั่งนั้นฝืนตั้งรัฐบาล เขาก็จะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีอำนาจตามมาตรา 44 เป็นรัฐบาลเผชิญกับกลไกปกติในระบบรัฐธรรมนูญ เขาจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ผมไม่เชื่อว่าเขาจะบริหารประเทศได้ง่าย แต่ถ้าจะใช้กลไกแบบในอดีต ใช้วิธีการซื้อเสียง มีงูเห่าในทุกขั้นตอน เขาก็จะถูกสังคมไทยตราหน้าว่าทำให้ระบบการเมืองไทยเสื่อมทรุด ทำลายระบบประชาธิปไตยอย่างถึงราก ดังนั้นเขาต้องเลือก

ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเข้าสู่อำนาจได้ง่ายอย่างที่ตั้งใจและปรารถนา วันนี้เขาหวั่นไหวดูจากกระบวนการที่เขาใช้กดดันในพื้นที่ต่างๆ ส่วนคนที่ออกแบบรัฐธรรมนูญคราวนี้ต้องถูกจดจำไว้หากสังคมไทยต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจขั้นรุนแรงในอนาคต มีผลกระทบกับชีวิตของผู้คนผู้ที่ออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ต้องมาใช้วาทกรรมสวยหรู ทำตัวแบบศรีธนญชัยปลิ้นไปปลิ้นมา แล้วคิดว่าจะได้รับการยกย่องจากสังคม ผมคิดว่ามันหมดสมัยไปแล้ว คนที่ไม่ตรงไปตรงมา คนที่ใช้วาทกรรมเจ้าเล่ห์เพทุบาย คนที่พยายามทำเพื่อการสืบทอดอำนาจต่อ ต้องถูกประณามจากสังคม

ผมไม่อยากพูดว่าผมจะได้กี่เสียง แต่ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อจะมาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และสามารถจับมือกับฝ่ายประชาธิปไตยได้เกิน 250 เสียง ถ้าเขาจะจัดตั้งรัฐบาลโดยที่ได้ไม่ถึง 250 เสียง เขาจะบริหารประเทศไปได้อย่างไร กฎหมายกฎระเบียบต่างๆ จะผ่านไปได้อย่างไร การบริหารเป็นเรื่องของสภาฯ ล่าง อย่างไรก็ตาม เราก็เป็นห่วงว่าเมื่อกลไกที่เขาไม่ประสบชัยชนะ

ก็อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่ให้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นคนอื่นรอดหมดแต่ทุกอย่างไปลงที่ กกต.ที่โดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งก็เคยมีตัวอย่างมาแล้ว ผมจึงไม่อยากให้ กกต.ต้องมารับผิดชอบ ขอเพียงท่านทำตามหน้าที่อย่างเต็มที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมมันเกิดผลเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็เป็นคนอื่นที่ต้องรับผิดชอบ

ส่วนที่ว่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น จะมีม็อบหรือการปฏิวัติเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งหรือไม่นั้น เป็นวาทกรรมที่ขู่ไว้ แต่สิ่งต่างๆ หากจะเกิดขึ้นก็เป็นกลไกที่วางไว้เพื่อให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจต่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นสังคมไทยต้องพิจารณาและตรวจสอบให้ดี นี่คือจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของสังคมไทย

เราจะอยู่กันอย่างสงบราบคาบแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ ก็ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้เหมือนเดิม หรือจะเปลี่ยนแปลงวันนี้ผมเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยกล้าเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่าเราพร้อมเปลี่ยนแปลง เราพร้อมนำพาการเปลี่ยนแปลงนี้โดยจับมือกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยร่วมมือกันไป


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน