รองโฆษกปชป. ซัด “พปชร.” โม้กวาดส.ส.เกิน 251 เสียงไม่เหมาะสม ชี้ ปล่อยข่าวหยั่งกระแส เหตุ กกต.ยังไม่เคาะสูตรคิดปาร์ตี้ลิสต์ ชี้ก๊วน “ถาวร” มีไม่ถึง 35 คน วอนเพื่อนร่วมพรรคอย่าละทิ้งอุดมการณ์เพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า

ปล่อยข่าวหยั่งกระแส – วันที่ 13 เม.ย. นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงรายงานข่าวที่ว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้แล้วกว่า 251 คน ซึ่งรวมถึงมีว่าที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 35 คน ซึ่งนำโดยนายถาวร เสนเนียม ว่าที่ส.ส.สงขลา ว่า การตัดสินใจทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส. อย่างเป็นทางการร้อยละ 95 ในวันที่ 9 พ.ค.นี้

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ดังนั้น ตอนนี้ถือว่าตัวเลขว่าที่ส.ส.ของแต่ละพรรคยังไม่นิ่ง ผันแปรได้ตลอดเวลาจากการให้ใบเหลือง คือ จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือใบส้ม คือการระงับสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครไว้ชั่วคราว ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งจะมีผลต่อจำนวนส.ส.ระบบเขต และบัญชีรายชื่อของทุกพรรค ต้องมาคำนวณใหม่ ตนจึงเห็นว่านี่เป็นการปล่อยข่าวจากพรรคพลังประชารัฐเพื่อหยั่งกระแสในขณะนี้ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งเป็นการกดดันการทำงานของ กกต.ด้วย

เนื่องจากมีการกวาดรวมส.ส.จากพรรคเล็ก 12 พรรคไปรวมด้วย และจากการที่ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะใช้แนวทางใดในการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ นำไปสู่การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้นการนับคะแนนล่วงหน้าเช่นนี้ จะกลายเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการคำนวณด้วยแนวทางที่แตกต่างกัน มีผลกับการที่ขั้วใดขั้วหนึ่งจะจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงอยากให้พรรคพลังประชารัฐยุติการกระทำนี้ เพราะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น

นายเชาว์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การอ้างว่ามีว่าที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 35 คน ไปร่วมด้วยโดยไม่ใช่ไปทั้งพรรคนั้น ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานการเมืองที่ไม่เคารพต่อระบบพรรคการเมือง คิดแต่ต้องการจำนวนส.ส.เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในการก้าวสู่อำนาจเท่านั้น ทั้งนี้ตนได้สอบถามว่าที่ส.ส.ของพรรคแล้ว ก็พูดไปในทางเดียวกันว่าการตัดสินใจทางการเมืองต้องรอให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่ตอนนี้มีแค่กลุ่มของนายถาวรที่จำนวนไม่ถึง 35 คน แสดงออกนอกหน้าว่าต้องการไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นคนในพรรคยังมีแนวคิดแตกต่างกันระหว่างการร่วมรัฐบาลกับการเป็นฝ่ายค้านอิสระ จึงอยากให้ทุกคนในพรรคไตร่ตรองให้ดี อย่าละทิ้งอุดมการณ์ เพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า

“อยากให้ย้อนไปดูประวัติพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อตั้งเมื่อ 73 ปีที่แล้วมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ โดยในตอนนั้นนายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคคนแรกตั้งพรรคการเมืองนี้ เพื่อเป็นฝ่ายค้านคานอำนาจนายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี และด้วยบทบาทฝ่ายค้านในขณะนั้น ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ กลับมาชนะเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2491 ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก เส้นทางการเมืองของพรรค มีขึ้น มีลง เป็นธรรมดา แต่ไม่ว่าพรรคจะอยู่ช่วงขาขึ้นหรือขาลง สิ่งที่เรายึดมั่นเสมอมาคือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของตัวเอง เพราะ 73 ปีของประชาธิปัตย์เรายืนหยัดอยู่ด้วยอุดมการณ์”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน