โรม เหน็บดูหน้าตารัฐบาลแล้ว หลายคนคุ้นเคย-มีมลทินมัวหมอง จะตอบสังคมอย่างไร ย้ำยังไม่การันตีทิ้งเก้าอี้ ผู้นำฝ่ายค้าน เผยต้องรอเข้าที่ประชุมเคาะบ่ายนี้
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2566 ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ตอนนี้โผ ครม. ยังไม่นิ่ง ต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ยอมรับตามตรงว่าเราคงมีคำถามในใจเป็นล้านคำที่จะถามรัฐบาล และต้องรอดูวันที่มีการแถลงนโยบายของรัฐบาล
มันท้าทายความเชื่อเพราะเรามีปัญหาในสังคมเยอะเต็มไปหมด เช่น ค่าไฟ การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ซึ่งเราเข้าใจมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยก็มีแนวนโยบายที่สอดคล้องที่จะเข้าไปยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทีนี้พอนายเศรษฐา ใช้คำพูดว่าเป็นการพัฒนาร่วมกัน คำถามคือพัฒนาร่วมกัน มันจะสร้างความแตกต่างอย่างไร คืออย่าใช้คำแค่ดูสวย ดูเท่ แต่มันต้องสร้างความกระจ่างให้ชัดเจนด้วยว่าพัฒนาร่วมกันสุดท้ายคนไทยเด็กและเยาวชนยังต้องไปเกณฑ์ทหารหรือไม่ หรือยังเกณฑ์ทหารเหมือนเดิม แต่ประเด็นเรื่องการซ้อม การทำร้าย การปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม มันจะไม่มี
นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามว่า อะไรคือรายละเอียด ซึ่งคนที่เป็นผู้นำควรจะสร้างความกระจ่าง ตนคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้เรื่องนโยบาย
“วันนี้เขาก็ยอมรับกลายๆ ว่าเขาตระบัดสัตย์ เขาจับมือกับลุง คำถามก็คือว่านโยบายต่างๆต่อไปนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่ารัฐบาลนี้จะไม่มีการตระบัดสัตย์อีก ผิดคำพูดอีก ผมคิดว่าความเป็นผู้นำ ความเป็นนายกรัฐมนตรีการเข้ามาเป็นรัฐบาลถ้าคำพูดมันเชื่อถือไม่ได้ ผมคิดว่าความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ไปจนถึงเรื่องเศรษฐกิจก็กระทบหมด” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พอมองหน้าตารัฐบาล หลายคนก็คุ้นเคย หลายคนก็มีมลทินมัวหมอง บางคนมีประวัติเรื่องยาเสพติด ตกลงรัฐบาลชุดนี้จะเอาอย่างไร ถ้าคนที่มีประวัติเรื่องยาเสพติด เป็นรัฐมนตรีได้ แล้วที่เคยบอกว่าพรรคเพื่อไทยมา ยาเสพติดจะหมดไป มันจะหมดไปหรือเพิ่มขึ้น ตนคิดว่ารัฐบาลต้องตอบคำถามเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ซึ่งหากพูดกันตามตรง ตนยังไม่เชื่อมั่น
เมื่อถามว่าล่าสุด ครม. พรรคเพื่อไทย มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งเคยโดนคดีขนเงิน 2 ล้าน ใส่ถุงขนม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็คล้ายกับที่ตนเคยพูดไว้ว่าสุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องความเชื่อมั่นที่รัฐบาลนี้จะต้องตอบคำถามต่อสังคม
“อย่าให้การตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องการตอบแทนบุญคุณ อย่าเอาผลประโยชน์ของประชาชนไปเป็นส่วนหนึ่งของการตอบแทนบุญคุณของเครือข่ายของตัวเอง ผมคิดว่าทำแบบนั้นไปผู้ที่ต้องจ่ายบุญคุณไม่ใช่เขา แต่สุดท้ายคือประชาชน” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนกรณีผู้นำฝ่ายค้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องพูดคุยกันในที่ประชุม สส. ช่วงบ่ายวันนี้ อาจจะเข้าใจผิดกันเยอะว่าพรรคก้าวไกลจะไม่เอาตำแหน่งนี้หรือไม่ ยืนยันว่ายังไม่ได้พูดคุยกัน ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าจะต้องเป็นหัวหน้าพรรค และจะมีตำแหน่งประธานและรองประธานสภาไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงทางกฏหมายที่เราต้องพิจารณาในการตัดสินใจของพรรค
เมื่อถามว่าการเลือกกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้โควตาเท่ากัน 10 คณะ พรรคเพื่อไทยอาจจะจองกรรมาธิการ เกรดเอ เพื่อรอไปกับกระทรวงที่ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญมาก เรายอมรับว่าที่ผ่านมา พรรคที่เป็นรัฐบาลได้กระทรวงไหนก็จะจองกรรมาธิการที่ล้อไปกับกระทรวงนั้น มีเหตุผลเพื่อป้องกันการตรวจสอบ แต่หากทำแบบนั้นแสดงว่ามีอะไรปกปิด กังวลกับการตรวจสอบใช่หรือไม่ ดังนั้น ตนคิดว่าการเมืองที่ควรจะเป็นควรให้บทบาทเรื่องการตรวจสอบ
“หากรัฐบาลของนายเศรษฐาโปร่งใสจริง ก็ไม่ควรทับซ้อนของกระทรวงกับกรรมาธิการ ถ้าทำแบบนั้นสุดท้ายรอตรวจสอบไม่ได้ก็เกิดข้อครหาต่อรัฐบาล ไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล ผมยังยืนยันว่าเราควรที่จะเลิกจารีตแบบเดิม เพื่อทำให้บทบาทของฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และหากบทบาทของฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดี มีประสิทธิภาพ จะเป็นคุณต่อรัฐบาล” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลคงไม่ยอมใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องพูดคุยกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ เรื่องเจรจากรรมาธิการจะไม่ซ้ำรอยกับการจัดตั้งรัฐบาล นายรังสิมันต์ ถอนหายใจ พร้อมกล่าวว่า รอบที่แล้ว เราก็เจอบรรยากาศแบบนี้ ตอนปี 2562 ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“สุดท้ายก็ไปปกป้องอำนาจเขา ผมก็หวังว่ารัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา จะไม่มีพฤติกรรมแบบรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์” นายรังสิมันต์ กล่าว