หลังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจากการทำละคร “นาคี” ทางช่อง 3 ผู้จัดฯ คนสวย แดง-ธัญญา โสภณ จึงมีความคิดอยากจะต่อยอดไปถึงธุรกิจส่วนตัว จนกลายมาเป็นแบรนด์ “นาคี” ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของคนไทย

ล่าสุดมีโอกาสเจอ ‘แดง-ธัญญา’ ในงานเปิดตัวสินค้า “แป้งนาคี และ DD ครีม” ที่ อีฟแอนด์บอย สยามสแควร์วัน จึงสอบถามที่มาที่ไปของการทำธุรกิจ รวมไปถึงความคืบหน้าของหนัง “นาคี 2” ที่หลายคนรอชม

ที่มาที่ไปของการธุรกิจแป้งนาคี?
“หลังจากที่ละคร ‘นาคี’ ประสบความสำเร็จ เลยมีความคิดที่อยากจะทำผลิตภัณฑ์อะไรซักอย่างหนึ่ง ด้วยความที่เป็นคนชอบเรื่องความสวยความงาม ชอบเครื่องสำอางอยู่แล้ว ชอบลองชอบใช้ใครบอกอะไรดีก็ลองใช้หมด เลยคิดสูตรแป้งเป็นของเราเอง ซึ่งต้องเหมาะกับคนไทยด้วย ส่วนชื่อ ‘นาคี’ พี่อ๊อฟ(พงษ์พัฒน์)เป็นคนตั้งให้ว่าให้ใช้ชื่อนี้แหละเพราะเป็นมงคลกับเรา แล้วหนักกี่ก็คือพญานาคผู้หญิง ซึ่งท่านก็เป็นคนที่รักสวยรักงาม เราก็เลยรู้สึกว่าชื่อนี้ลงตัวและเป็นมงคลที่สุด ธุรกิจนี้มีหุ้นส่วนทั้งหมด 4 คน คือเรา คุณปู-ปริศนา กล่ำพินิจ, คุณเกล็ดดาว พานิชสมัย และเพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาลซึ่งเป็นเจ้าของร้านเสื้อ”

ใช้เวลานานแค่ไหนกับธุรกิจนี้?
“เกือบปีได้ค่ะ เรียกว่าต้องเทสต์ผลิตภัณฑ์อยู่เรื่อยๆ ต้องเสียค่าทดลองยังไงก็ยอมหมด จนกว่าจะรู้สึกว่ามันใช่และตอบโจทย์เราแล้ว ตอนนี้แบรนด์นาคีมีผลิตภัณฑ์อยู่ 2 ตัวคือแป้งนาคีกับดีดีครีม ซึ่งดีดีครีมจะเป็นตัวที่ต้องลงก่อนบนหน้าจากนั้นถึงตามด้วยแป้ง จริงๆ คนไทยจะคุ้นบีบีครีมกับซีซีครีมมากกว่า แต่ดีดีครีมคือนวัตกรรมที่ล้ำมาจากบีบีครีมกับซีซีครีม ซึ่งมันจะปกปิดค่อนข้างดี มีความมลังเมลืองทำให้หน้าใส รวมถึงมีกันแดดซึ่งคนที่ออกกำลังกายจะชอบมากค่ะ ตอนนี้ที่วางแผนเอาไว้ก็คือถ้า 2 ตัวนี้ประสบความสำเร็จ เราก็จะต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาต่อเนื่อง”

ฟีดแบ๊กเป็นยังไงบ้าง?
“ดีค่ะ จริงๆ เราต้องการระยะยาว ไม่ต้องการมาแบบวูบวาบ มาแล้วให้คนรู้สึกและสัมผัสถึงคุณภาพที่เราได้ตั้งใจทำ ทำให้เขารู้สึกว่าใช้แล้วอยากใช้ต่อ ไม่ได้อยากให้ใช้เป็นแฟชั่น ซึ่งของของเรากล้ารับประกันว่ามันคุณภาพจริงๆ”

หลังจากเกิดกรณีของบริษัท “เมจิกสกิน” มันส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางที่เราทำบ้างไหม?
“ส่วนตัวยังไม่โดนผลกระทบ อย่างแรกเพราะเรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราถูกต้อง ฉะนั้นประชาชนที่เป็นผู้บริโภคจะได้รับสิ่งที่ดี ไม่มีว่าใช้แล้วจะทำให้หน้าพังยับเยิน อีกอย่างเราเป็นคนที่มีชื่อเสียง ฉะนั้นจะไม่ทำอะไรที่เป็นการฆ่าตัวเองอยู่แล้ว ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเรายังไม่มีตัวแทนจำหน่าย แต่จะลงในร้านคือคิงเพาเวอร์และอีฟแอนด์บอย 11 สาขาทั่วประเทศค่ะ”

ถามถึงความคืบหน้าหนัง “นาคี 2” ตอนนี้ถึงไหนแล้ว?
“ตอนนี้กำลังตัดต่อดราฟต์เกือบสุดท้ายแล้ว เราต้องพยายามทำอะไรให้คนรู้สึกไม่ตำหนิ ต้องคอยดูอย่างถี่ถ้วนตลอดเวลา ถ้าตรงไหนไม่ดีก็ให้ถ่ายเพิ่มเลย แล้วก็รอเรื่องซีจีด้วย บอกเลยว่าซีจีดีมาก คนที่มาเขียนให้คือดีคือสวย เห็นแล้วรู้สึกว่าอยากสู้กัน เอาเป็นว่าดูแค่ดูซีจีก็คุ้มแล้ว ซึ่งเราใช้ทีมคนไทยทำซีจีให้ ตอนแรกก็คิดว่าจะใช้ทีมซีจีของเมืองนอก แต่ชื่อว่าคนไทยน่าจะเข้าใจคำว่าพญานาคมากกว่า หมายถึงว่าเข้าใจในความเป็นไทยมากกว่า และที่สำคัญคือฝีมือของคนไทยนี่แหละสุดยอดแล้ว”

ทุกวันนี้ทำงานอยู่บนพื้นฐานความกดดันไหม?
“กดดันแน่นอนค่ะ เนื่องจากตอนที่เป็นละครมันประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่หนังก็คือหนัง จะเอามาเปรียบกับละครไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยทำเป็นนาคี 2 ไปเลยในภาคภาพยนตร์ นำเสนออีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ละคร เท่าที่ดูในช่วงที่ตัดต่อก็ได้ดังใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ดูแล้วชอบ ซึ่งยังไงเราก็ต้องกลั่นกรองเรื่องคุณภาพก่อน ส่วนจะได้ชมเมื่อไหร่นั้น ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่าจะเป็นต้นเดือนส.ค.นี้ค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน