หลังมาร่วมงานมอบรางวัล “กินรีทอง” ประจำปี 2559 ที่ อินฟินิซิตี้ฮอลล์ ชั้น 5 พารากอน นักแสดงสาว ‘แอนนี่ บรู๊ค’ ให้สัมภาษณ์อัพเดตชีวิต หลังไปร้องเพลงอยู่ตามร้านอาหารที่ต่างประเทศ จนถูกเม้าท์ว่าไปขายตัว

IMG_0844

โดย แอนนี่ เผยว่า “การเป็นซิงเกิ้ลมัมที่ผ่านมา ยากนะ เอาง่ายๆ ค่าใช้จ่ายทางบ้านเราต้องหาเอง ที่สำคัญคือเวลาที่เราท้อไม่มีคนมาช่วยเรา เราต้องอยู่ตัวคนเดียว”

น้องมีวี่แววจะเข้าวงการไหม “ไม่รู้เลย ตอนนี้ยังซนอยู่ แต่ดูเขาก็สนใจนะ เคยพาไปแคสโฆษณาเขาก็ชอบ เวลาเรามาทำงานเราก็บอกได้เงินนะ เขาจะถามจริงเหรอ อีกหน่อยเขาจะไปซื้อรถแลมโบกินี่ เขาเรียนหนังสือเก่งนะ ยิ่งในเรื่องของภาษาจะให้เขาเรียนรู้มากขึ้น เผื่อได้ไปต่างประเทศ แต่ก็มีคนมาติดต่องานน้องผ่านทางอินสตาแกรมบ้างนะคะ ซึ่งเรายังไม่ได้เข้าไปดูเลย บางคนมาต่อค่าตัวมากเกินไป แต่ลูกเราไม่ใช่ดารา ค่าตัวก็หลักพันแล้วไม่ใช่หลักหมื่น เขาบอกไม่ไหว เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แค่ปล่อยผ่านไป รอลูกโตทีเดียวก็ได้”

เห็นว่าช่วงนี้ไปเมืองนอกบ่อย “จริงๆ ไปเมืองนอกไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหรานะ เหมือนเป็นแรงงานต่างด้าวมากๆ เลย คือไปร้องเพลงและคอยเก็บทิป ชีวิตค่อนข้างลำบาก ไม่ได้สบาย อยู่ก็แออัด ห้องนึงมีตั้งยี่สิบคน อัดๆ กันอยู่ ชีวิตเราไม่ได้หรูหรา ค่อยข้างเหนื่อยด้วยซ้ำ ทำงานตั้งแต่สามทุ่มถึงหกโมงเช้า”
เคยท้อบ้างหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เรามีชีวิตที่ค่อนข้างดี “ตอนแรกรับไม่ได้ ร้องไห้ทุกวันเลย ทำไมชีวิตเราตกต่ำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ต้องมานั่งนับศูนย์ใหม่เหรอ แต่เราก็มาคิดว่าเราก็เป็นเด็กบ้านนอกอยู่ลำปาง เติบโตมาจากดิน ทำไมจะกลับไปสู่ดินเพื่อเติบโตอีกไม่ได้ เราก็เริ่มจากศูนย์หรือนับหนึ่งใหม่ได้ จนถึงวันนี้ก็หลายปีแล้วนะที่ทำงานและส่งลูกมา”
ผลตอบแทนคุ้มกับการที่เราไปทำงานต่างถิ่นหรือเปล่า “มันก็ยังดีกว่าที่เราอยู่เฉยๆ ที่นี่ อยู่ที่นี่เราไม่มีงานทำค่ะ อีกอย่างดาราเยอะด้วย ค่าตัวที่ได้ก็เกือบจะฟรีอยู่แล้ว บางคนต่อแล้วต่ออีก แต่แอนไม่ได้ว่าอะไรนะ แอนก็เต็มที่ของแอนแล้ว บางทีหลักพันแอนก็ไปแล้ว ไม่เลือกงานไม่ยากจนค่ะ แต่มันก็ยังไม่โอเค เลยไปทางนู้นเลยแล้วกัน อย่างน้อยค่าเงินเขาก็สูงกว่าค่าเงินเรา อาจจะทำงานหลายชั่วโมง หรืออาจจะเป็นงานที่ทุกคนไม่ชอบ หรืออาจจะดูถูกที่ไปร้องเพลง ไปให้เขาจับหรือเปล่า ไม่ใช่แบบนั้นนะ เราไปร้องเพลงเก็บทิปธรรมดา เสร็จก็กลับบ้านนอนสบายใจ”

กลัวคนจะมองว่าเราไปขายตัวไหม “ไม่กลัว เพราะเขาไม่ได้ให้เรากิน คนที่ส่งลูกเรียนก็คือตัวเรา เพราะฉะนั้นคนที่มาพูดหรือคอมเมนต์ด่าแอน แอนไม่สนใจ จะคิดว่าเป็นสัมภเวสี ให้มันผ่านไป ไม่ได้สนใจและก็ไม่ได้มองด้วย สุดท้ายแล้วลูกเราได้เรียนหนังสือ ได้กินข้าว และโตมาขนาดนี้ด้วยเงินของเรา มันจะมาจากไหนก็แล้วแต่ แต่มันมาจากการที่เราทำมาหากินด้วยความบริสุทธิ์”

เวลาเราบินไปทำงาน ใครเป็นคนเลี้ยงลูกให้ “ลุงกับป้าค่ะ เขาเลี้ยงน้องฑีมาดีมากเลย”

การรับงานจากที่ไทยกับที่ต่างประเทศต่างกันตรงไหน “แอนต้องเซ็นสัญญาทุกๆ สามเดือนค่ะ เพราะเคยไปแบบยี่สิบห้าวันแล้วเหมือนต่างด้าว เราต้องวิ่งหนีตำรวจ (หัวเราะ) แต่ถ้าอยากไปถูกกฎหมายเราต้องไปสามเดือนขึ้นไป ก็ต้องห่างลูกหน่อย แต่ก็เก็บเงินได้เป็นก้อน เพราะอยู่ที่นู้นค่าเงินมันสูง เราต้องประหยัด”

เรียกว่าเราออกจากวงการบันเทิงไทยไปเลยไหม “ถือว่าน่าจะออกไปเลยคะ จากตอนนั้นก็หลายปีแล้วนะ นี่ก็เริ่มๆ กลับเข้ามามีงาน เริ่มมีไปนู้นมานี่บ้าง งานละครก็เริ่มมีติดต่อมา เขาบอกให้เล่นบทแม่นะ เราบอกแม่ก็ได้ ได้หมด”

หัวใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง “ไม่มีใครเลย ตอนนี้อยากมีมาก (หัวเราะ) ลูกไล่ให้ไปแต่งงานแล้ว ลูกบอกเมื่อไหร่แม่จะแต่งงานสักที อยากมีน้อง แต่แอนคงไม่มีแล้วค่ะ คนเดียวก็เลี้ยงไม่ไหวแล้ว เคยมีคนนึงที่คุย แต่เหมือนเขาไม่ได้รักลูกเราจริงๆ แค่ซื้อของเล่นมาให้ ไม่ได้แปลว่าจะรักลูกเรานะ ต้องรักลูกเราด้วย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน