วันที่ 19 พ.ค. ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ นักแสดงสาว เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ให้สัมภาษณ์หลังมาร่วมงานเดินแบบการกุศลโครงการรณรงค์วันดาวน์ซินโดรมโลก 2561 ถึงกระแสข่าว เลิกรากับแฟนหนุ่มไฮโซขุนพล อิสสระ ที่คบกันมา 3 ปีกว่า ซึ่งระยะหลังไม่มีรูปคู่หวานๆเหมือนเมื่อก่อน แถมวันเกิดฝ่ายชาย สาวเกรซก็ยังอวยพรด้วยข้อความห่างเหินแปลกๆทำนองว่ากลายเป็นคนในความทรงจำ รวมทั้งยังชี้แจงประเด็นดราม่าโพสต์รูปดำน้ำท่าโปรยทราย จนมีคอมเม้นต์ตักเตือนอาจทำลายที่อยู่ของปะการัง

ความรักแฮปปี้ไหมเห็นอวยพรวันเกิดขุนพลแปลกๆ
“อยากให้เขามีความสุขก็เลยโพสต์อวยพรวันเกิดไป อาจจะไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกัน แต่ที่เกรซใช้คำว่าเขาเป็นคนในความทรงจำเพราะเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน แต่อาจจะไม่ได้ใช้คำจำกัดความว่าเป็นแฟนเหมือนเดิม เราก็ห่างกันมาประมาณ 2 เดือนกว่าๆแล้ว มันมีหลายเหตุผลประกอบ ซึ่งเกรซกับเขาเรามีภาระและงานที่ต้องทำหนักมากทั้งสองคน ก็เป็นความเข้าใจที่ดีซึ่งกันและกันว่าเราลดสถานะเป็นเพื่อนนะสบายใจ เราทำงานได้กันทั้งคู่ เราไม่ต้องปวดหัวเราเป็นกำลังใจให้กัน บางทีแค่คำว่าแฟนมันไม่จำเป็น มันเป็นแค่คำๆเดียวที่มากำหนดทุกอย่างว่าเราจะต้องเป็นยังไงในอนาคต เกรซว่าเราปล่อยสบายๆเป็นเพื่อนกันมีความรู้สึกดีๆให้กัน”

เป็นเรื่องของเวลา
“หลายๆอย่าง เอาเป็นว่าเราคุยกันแล้วและตกลงกันว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า ก็เป็นการคิดกันของเราสองคน ทบทวนกันมาสักพักนึงแล้ว”

หลายคนมองคู่เราเพอร์เฟ็กซ์
“ในทุกๆคู่มันไม่มีความเพอร์เฟ็กซ์หรอก อย่างที่เห็นหลายๆคู่ก็ไม่ได้เพอร์เฟ็กซ์จริงๆ เพราะสองคนก็มาจากสองครอบครัวที่แตกต่างกันมีสิ่งที่เราพบเจอมาแตกต่างกัน อย่างเราก่อนหน้านี้เราเคยลองปรับและจูนกันแล้ว แค่สุดท้ายก็ลงตัวที่ความเป็นเพื่อนซัพพอร์ตซึ่งกันและกันดีกว่า เกรซคิดว่าด้วยระยะเวลาและหน้าที่ของทั้งสองคน เขาและเราเป็นลูกคนโตต้องไปทำงานต่างจังหวัดด้วยมันค่อนข้างไกล ตอนนี้เราทั้งคู่ก็เลือกงานมากกว่าความรัก”

เสียดายเวลาไหม
“ไม่เสียใจและก็ไม่เสียดายเลยค่ะ มันเป็นความเข้าใจด้วยดี(ยิ้ม)มันไม่ได้เลิกกันด้วยสาเหตุอื่น ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องดราม่าเป็นการเลิก อยากให้มองเป็นเรื่องปกติมากกว่าเพราะเราไม่จำเป็นจะต้องใช้คำว่าแฟนอย่างเดียวเราถึงจะมีความรู้สึกดีๆให้ใครสักคนนึงได้ เพราะเราก็ยังรู้สึกดีๆต่อกันอยู่และยังติดต่อกันอยู่ อัพเดทกันปกติ”

เฮิร์ตไหม
“ไม่เฮิร์ตคือมันอาจจะมีโมเม้นต์นั้นบ้าง มันผ่านมานานแล้ว เกรซว่าอะไรก็ตามที่เราเข้าใจในตัวเราและเขา มันจะไม่มีอะไรที่เฮิร์ตหรือเสียใจอะไรซึ่งกันและกัน ทุกวันนี้ยังมองหน้ากัน ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เกรซเลิกกับแฟนเก่าทุกคนก็เป็นอย่างนี้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ไม่ได้เชิดใส่ใครเพราะเราไม่ได้เลิกกับใครโดยที่ไม่ดี”

มีโอกาสกลับมาคืนดีกันไหม
“มันเป็นเรื่องของอนาคตก็สบายๆไปก่อน ตอนนี้เรามีความรู้สึกดีๆให้กัน เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันอย่างนั้นดีกว่า ตอนนี้เกรซไม่ถึงขั้นปิดตายความรัก แต่เป็นช่วงที่ให้เวลากับตัวเอง ครอบครัว งาน และทุกๆอย่าง ยิ่งเกรซจะทำธุรกิจใหม่อีกตัวนึงมันเลยยุ่งมากเลยอยากจะอยู่กับตัวเองให้มากและเขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันก็เลยเป็นการคุยกัน ก็ยังไม่มีใครใหม่เข้ามายังไม่ใครรู้เลยว่าเลิกกันแล้วเป็นเพื่อนกัน”

ไม่สมหวังมองความรักเปลี่ยนไปไหม
“ไม่เข็ดค่ะ ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เรากระชุ่มกระชวยหัวใจ แต่มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาของเราเองมากกว่า กว่าจะเจอคนที่ใช่คนที่แต่งงานมีลูกมันก็ต้องเจอใครมาก่อนเป็นบทเรียน ทุกๆความสัมพันธ์ก็จะสอนและให้บทเรียนเราว่าความจริงแล้วเราอาจจะคิดว่าเราเหมาะกับคนแบบนี้ แต่ความจริงอาจไม่ใช่”

สเตตัสตอนนี้คืออะไร
“โสดเฉยๆจบไม่ต้องโปรดจีบ(ยิ้ม)”

ถ้าเกิดมีใครเข้ามาตอนนี้เราให้โอกาสเขาไหม
“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวรอดู”

ดราม่าเรื่องปะการังท่าโปรยทราย
“ก็ต้องขอบคุณและขอโทษสำหรับหลายๆทัศนคติที่เตือนมา แต่สำหรับเกรซเรามีความรู้ด้านนี้ เราโปรยแต่ว่าไม่ได้อยู่ตรงปะการัง และปะการังตรงนั้นส่วนมากเป็นปะการังที่ตายแล้ว เกรซไม่เคยแตะปะการังเลย ขนาดครีมกันแดดยังเลือกแบบที่รักษาสิ่งแวดล้อมให้กับทะเลเลย ไม่ใช้ครีมกันแดดทั่วไปเราก็ระวังเรื่องนี้ตลอดเพราะเราไปชมความสวยงามของธรรมชาติก็ไม่อยากจะทิ้งอะไรที่มันไม่ดีเอาไว้”

เห็นดราม่าแล้วรู้สึกยังไง
“ไม่รู้สึกแย่สบายๆอยู่ตรงนี้ เราต้องรับได้ทุกดราม่า(ยิ้ม) คือมันเป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะคนที่ไม่ได้ดำน้ำก็จะไม่เข้าใจว่าตรงนั้นมันมีอะไรบ้าง แต่เราลงไปดำเรารู้ว่ามันมีอะไร ซึ่งถ้าสังเกตบริเวณที่โปรยมันเป็นทราย ปะการังอยู่ข้างหลัง แต่ต้องขอโทษด้วยสำหรับใครที่ไม่พอใจและเตือนกันมาก็ต้องของคุณ เราคนดำน้ำเหมือนกันก็เข้าใจว่าไม่อยากทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องทัศนคติตักเตือนกันมาได้ เกรซไม่ลบคอมเม้นต์อะไรเลยใครอยากเขียนอะไรก็เขียนมาก็ปล่อยไว้ ถึงแม้มันจะเป็นไดอารี่ของเราและเรื่องของเรา แต่มันก็เป็นทัศนคติของคนอื่นที่สามารถจะแสดงต่อคนที่เป็นสาธารณะแบบเราได้เหมือนกัน หลังจากนี้ก็อาจจะต้องเลือกรูปมากขึ้นและระวังเพราะถ้าสมมุติมีดราม่าเกิดขึ้นมันก็จะส่งผลไม่ดี”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน