สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับชื่อดัง นอกใจช่องวัน โดดทำงานละครช่อง 3

จากที่เคยเป็นผู้กำกับมือขวา “ป้อน นิพนธ์ ผิวเฌร” หนึ่งในผู้บริหารช่องวัน สำหรับผู้กำกับฝีมือดี “สันต์ ศรีแก้วหล่อ” ซึ่งล่าสุด เจ้าตัวได้โดดข้ามช่องมากำกับละครเรื่อง “กลิ่นกาสะลอง” ของช่อง 3 จนทำให้หลายคนสงสัยว่า ผู้กำกับมือทองคนนี้ได้ลาจาก บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด และ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด มาซบอกช่อง 3

สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับชื่อดัง นอกใจช่องวัน โดดทำงานละครช่อง 3

สันต์ ศรีแก้วหล่อ

โดย ผู้กำกับคนเก่ง ชี้แจงว่า “เราคุยกับทางพี่ป้อนทางช่องวันมา 2 ปีกว่าแล้ว ว่าในการทำงานเป็นผู้กำกับเราอยากออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้ตัวเองบ้าง ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ้าง หลังจากนั้นเราก็มีโอกาสได้คุยกับคนนั้นคนนี้ นิดหน่อยๆ จนช่วง 1 ปีกว่าๆเกือบ 2ปี ถึงได้คุยกับพี่แหม่ม แล้วได้คุยจนรู้ว่ามีโปรเจคนี้ เราญาญ่า อุรัสยา เป็นเจมส์ มาร์ เราก็ตอบตกลงทำ เพราะว่าเรารู้สึกว่ามัน น่าสนใจ มันเป็นตัวเองมากที่สุดสำหรับเนื้อเรื่อง โปรเจค มันเป็นตัวผมเอง พี่แหม่มเป็นยื่นเรื่อง รวมถึงบอกว่านักแสดงมีใคร มาบอกว่าเป็นแบบนี้เราสนใจไหม พอได้อ่านเรื่องได้คุยก็รู้สึกว่ามันเข้าทางที่สุดเมื่อเทียบกับโปรเจคอื่นที่ได้มา เพราะว่าณ ช่วงหนึ่งมีการพูดคุยกันประมาณหนึ่งนะครับ หลังจากได้คุยกับพี่ป้อนแล้ว”

ความรู้สึกมันเกิดจากหลังทำพิษสวาทแปลว่าตอนนั้นเราใช้ของไปหมดแล้ว
ตีลังกาถ่ายนะ (หัวเราะ) มันก็กรีดเลือดกรีดเนื้อถ่ายไปแล้วอะ เราเลยรู้สึกว่าอาจจะต้องหาแรงบันดาลใจอะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองบ้าง คือเราไม่มีเวลาไปหาความรู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นความรู้ของเรามันเกิดจากการทำงาน ถ้าเราทำงานอยู่กับที่ก็ไม่ได้อะไร เราควรเจอคนใหม่ อะไรใหม่ๆเพื่อจะได้มีความรู้ใหม่ๆเติมใส่ตัวมันก็จะไม่หยุดอยู่กับที่ ก็เลยตัดสินใจว่า ลองออกมาดูบ้าง”

สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับชื่อดัง นอกใจช่องวัน โดดทำงานละครช่อง 3

ร่วมพิธีบวงสรวง

พอมีการเปลี่ยนแปลงหนี้ไม่พ้นว่าขัดแย้งกันหรือเปล่า
“ไม่ๆเลยครับ ไม่มีเลยทุกอย่างสวยงามเลยครับ

แล้วถ้าพี่ป้อนไม่ให้มา พี่จะออกมาเองไหม
“จริงๆโดยหลักการเอาจริงๆ ถ้าจะให้ดีผมควรเป็นฟรีแลนซ์ ณ ตอนที่คุย เพราะว่าเราอยากมาหาประสบการณ์แล้วเราก็ ควรจะฟรีเพื่อเปิดรับโอกาสทุกอย่าง แต่พอคุยกันแล้ว พี่ป้อนเข้าใจ เพราะเขาเป็นผู้กำกับมาก่อน บางที่ต้องออกไปหาประสบการณ์ใหม่เพราะว่าตัวพี่เขาเองก็เคยจากเอ็กแซ็กท์ไปอยู่แกรมมี่ฟิล์ม ก็เปลี่ยนไปเรื่อยให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพราะงานเราต้องการสิ่งนั้นจริงๆตอนนี้ผมยังเป็นพนักงานช่องวันอยู่ ตอนแรกคุยกันว่าอยากเป็นฟรีแลนซ์ คือผมว่ามันดีในแง่ทุกฝ่าย คือผมมาทำอย่างที่นี่ก็มีประสบการณ์มีเรื่องใหม่ๆใส่หัว ถ้าเขาให้ผมกลับไปทำเรื่องนั้นนี้อีก ที่ช่องวันผมก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปทำได้ เป็นการดีกับทุกฝ่าย”

สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับชื่อดัง นอกใจช่องวัน โดดทำงานละครช่อง 3

พร้อมหน้า ผกก. ผู้จัด พระ-นาง

หน้าละครจะเป็นแบบไหนจะเป็นช่องวันหรือว่าช่องสาม
“ผมก็ถามพี่แหม่ม ธิติมา ว่าอยากได้แบบไหน (หัวเราะ) พี่แหม่มก็บอกว่าผมถนัดอะไรก็ทำสิ่งนั้นมา เพราะฉะนั้นมันจะเป็นลายมือผมหน่อยเพราะว่าผมถนัดแบบนี้เอาจริงๆผมก็ต้องชั่งน้ำหนักนิดนึง เพราะว่าการเล่าเรื่องละครแบบ 1 ชั่วโมง กับ 2 ชั่วโมงมันต่างกันพอสมควร ปกติผมถ่ายช่องวันมันคือ 1 ชั่วโมง แต่นีเป็น2ชั่วโมง มันต้องมีการชั่งน้ำหนักว่าอะไรเร็วไปอะไรช้าไป คือบางทีถ้าโครมครามทุกนาทีแบบช่องวันช่องสามอาจจะเหนื่อยไป”

ตอนนี้เป็นฟรีแลนซ์
“สำหรับเรื่องกลิ่นกาสะลองคือฟรีแลนซ์ครับ”

เรื่องนี้คล้ายพิษสวาท
“เท่าที่ถ่ายเราไม่รู้สึกเลยนะ เพราะว่าไม่รู้สึกว่ามันเหมือนเท่าที่ถ่ายมาเหมือน แกนของเรื่องมันไม่เหมือนกัน ก็จุดศูนย์กลางของคาแรคเตอร์มันไม่เหมือนกันเพราะว่าจริงๆ แล้วจะว่าไปพิษสวาทคือมีอดีตกับปัจจุบันอย่างละครึ่ง แต่ว่าเรื่องนี้มีอดีตถึง 80% เยอะกว่า สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ผีหรือว่าพาร์ทปัจจุบันนะ แต่ว่าอยู่ที่พาร์อดีตว่าสองพี่น้องเขาทำอะไรถึงมีเรื่องนี้ พาร์ทที่เจมส์อยู่กับผีคงเป็นบทสรุปสั้นๆ เราให้ความสำคัญกับพาร์ทอดีต”

กดดันไหมเพราะเชื่อว่ามีคนคาดหวังว่าจะต้องปังเหมือนเรื่องที่เราเคยกำกับ
จริงๆผมกดดันทุกเรื่องที่ทำงานอยู่แล้ว เพราะว่าเราอยากให้งานออกมาดี เราอยากให้งานเป็นที่พูดถึงหรือว่ามีคนดู เพราะฉะนั้นกดดันทุกงาน เพียงแต่ว่าการได้ออกมาข้างนอก ออกมาเจอทรัพยากรใหม่ทั้งพี่ญ่าพี่เจมส์ พี่แหม่ม มันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งแอบตั้งใจไว้ว่ามันต้องดีสินะ เราก็ทำให้มันเต็มที่เพราะฉะนั้นความกดดันมีทุกงานอยู่แล้วไม่รู้สึกอะไรแค่อยากให้มันดี

สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับชื่อดัง นอกใจช่องวัน โดดทำงานละครช่อง 3

สันต์ ศรีแก้วหล่อ

กับกรณีนี้เป็นเรื่องแรกเลยไหม
“เรื่องแรกครับ เรื่องแรกที่อออกมาเดินเล่นข้างนอก”

มันตันใช่ไหม
“ใช่ คือผมว่าไม่ดีกับทุกฝ่ายสมมุตว่าเจอนักแสดง นักแสดงแทบทุกคนในช่องวันผมเคยเจอมาแล้ว ทั้งผมทั้งเขารู้อยู่แล้วต้องทำงานต้องแสดงด้วยกันประมาณไหน มันก็เดิมๆมันไม่เกิดการพัฒนาสำหรับเขา ไม่เจอคนใหม่ แม้กระทั่งตัวเราเอง เพราะฉะนั้นการมาเจอพี่ญ่า พี่เจมส์ตรงนี้ก็น่าจะดีกับทุกฝ่ายเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยเจอกัน”

แตกต่างจากช่องวันอย่างไร
“ระบบการทำงานก็คล้ายกัน ผมว่าโปรดักชั่นไม่ต่างกันมาก สำหรับสองช่องนี้ วิธีการของนักแสดงเอาจริงๆก็เหมือนจะออกมาจากระบบเดียวกัน วิธีการแสดง วิธีการความเชื่อต่างๆมันมีพื้นคล้ายกัน พอทำงานด้วยกันก็ใช้เวลาและการปรับจูนไม่มาก นิดหน่อยก็เข้าใจกัน พี่ญ่าพี่เจมส์ประสบการณ์เขาเหลือเฟือแล้ว แต่ว่าคุยกับพี่แหม่มว่ามือเราอาจจะหนักหน่อย ผมอาจจะสาดสีแรง โยนอะไรแรง เพราะว่าเข็มเราอาจตีไปทางนั้นเยอะ ก็ลองให้พี่แหม่มดูว่าถ้าเยอะไปแล้วบอกผม เกินที่เส้นกำหนด แต่ว่าพี่เขาบอกว่าเราคุยกันเพราะว่าอยากให้เป็นแบบนี้ ต่างคนต่างต้องการความใหม่ ผมถือว่าเป็นโชคดีสำหรับผม”

 

ต้องกลับไปช่องวันไหม
เท่าที่คุยคือตอนนี้เป็นอิสระที่จะให้ผมลองคุยแต่ละโปรเจคเอาเข้าจริงๆอย่างของช่องวันเราก็คุยกันแต่ละโปรเจคอยู่แล้ว พี่ป้อนก็เลือกโปรเจคที่ตรงกับตัวผมอยู่แล้ว หรือว่ามีการพูดคุยกัน ณ ตอนนี้คือจบเรื่องนี้แล้วค่อยว่ากัน ว่าจะต่อไปยังไง จริงๆต้องมีเรื่องอื่นทางช่องวันอยู่แล้วแต่ว่ามันก็คงสลับเวลา และคงดูเป็นเรื่องไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน