เผชิญหน้า ดิว-ซีแนม ขึ้นศาล ไกล่เกลี่ย หนังคนละม้วน แฉเจอชี้หน้าด่า-ขู่ทำลาย หนูนา ไม่ติดใจ

ดารานางร้ายดัง เป็นหนี้ ไม่ยอมคืน ซีแนม สุดทน โพสต์แฉ ชาวเน็ตแห่บอกใบ้-ชีวิตสุดหรู!!

อดทนถึงที่สุดแล้ว!! ไผ่ วันพอยท์ ประกาศยุติสัมพันธ์ ดิว อริสรา โพสต์แฉเหตุระอุกลางไอจี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลได้นัดไต่สวนชี้-สืบโจทก์ ครั้งที่ 1 กรณีโจทก์ น.ส.นิชานันท์ งามสกุลรุ่งโรจน์ ที่ 1 กับพวก ได้แก่ น.ส.ซีแนม สุนทร นักร้อง-นักแสดง รวม 2 คน ฟ้องร้องจำเลย น.ส.อริสรา หรือ ดิว ทองบริสุทธิ์ ดาราสาวชื่อดัง เรื่องหุ้นส่วน สืบเนื่องจากที่โจทก์ร่วมหุ้นเปิดร้านทำเล็บกับจำเลย แต่สุดท้ายมีปัญหาทำให้ไม่ได้เปิด ในขณะที่ลงเงินทุนพร้อมหุ้นส่วนรายอื่นรวมกว่าล้านแต่ไม่ได้เงินคืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ซีแนม สุนทร เดินทางมาพร้อม นายธนพัฒน์ บุญแสง ทนายความส่วนตัว ส่วน น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ เดินทางมาพร้อม นายสาคร ศิริชัย และนายนัฐพล สุขบรรจง ทนายความส่วนตัว

ต่อมาเวลา 10.30 น. หลังจากใช้เวลาพูดคุยประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดย น.ส.ซีแนม และ นายธนพัฒน์ ทนายความ เป็นฝ่ายให้สัมภาษณ์ก่อน

โดย น.ส.ซีแนม กล่าวว่า วันนี้เป็นการได้เจอกันหลังจาก 5-6 เดือนที่ตนพยายามตามและไม่เคยได้คุยได้เจอเลยก็ได้เจอกันวันนี้ ตอนที่เจอไม่ได้มีการคุยกันนอกรอบ เขาไม่ทัก ไม่มอง ไม่คุยอะไรเลย เพราะอย่างที่บอกเขาไม่เคยคุยอะไรกับตนแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ตนอยากคุยด้วยดีๆ มาตลอด จนกลายเป็นต้องขึ้นศาล

ซีแนม เผชิญหน้า ดิว อริสรา ขึ้นศาล ยังไม่จบ นัดอีกที เดือนหน้า

ต่อข้อถามว่าวันนี้มาทำอะไรบ้าง นายธนพัฒน์ ทนายความกล่าวว่า จริงๆ วันนี้เป็นนัดชี้สองสถานและก็สืบพยานโจทก์ แต่ส่วนของฝั่งจำเลยเองเขาก็ยื่นคำให้การเข้ามา และแจ้งความประสงค์ว่าจะขอไกล่เกลี่ย ทางตนก็บอกขอไกล่เกลี่ยคุยกันในวันนี้นะ แต่เนื่องจากทางจำเลยเขาบอกว่ายังไม่ค่อยพร้อม ขอเลื่อนไปวันที่ 24 สิงหาคม ทางตนพร้อมคุยเสมอ วันที่ 24 สิงหาคมก็ไม่เป็นไร ก็ให้โอกาสกัน สำหรับเอกสารมีทางเขายื่นคำให้การเข้ามาเป็นคำพูด ว่าเขามีติดเงื่อนไขอะไรต่างๆ นานาที่จ่ายไม่ได้ ซึ่งเป็นเพียงการให้การ แต่เอกสารเขายังไม่ได้มีเข้ามา

“ถามว่าต้องไกล่เกลี่ยอะไรบ้าง ต้องคุยทั้งหมดเลย ตั้งแต่ที่ลงหุ้นกันว่าทำอะไรยังไงบ้าง มีค่าเสียหาย ค่าใช้จ่ายอะไรต่างๆ ไปบ้างที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน และมีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่ ทรัพย์สินที่มีจะจัดการกันยังไง หรือจะไปขายแล้วแบ่งกันยังไง นี่คือรายละเอียดที่จะต้องไกล่เกลี่ย” ทนายความกล่าว

เมื่อถามว่าวันนี้เรื่องถึงศาลแล้ว ต้องมาไกล่เกลี่ยรู้สึกยังไงบ้าง น.ส.ซีแนม กล่าวว่า ตนตั้งใจและพร้อมทุกวัน เอกสารครบ วันนี้ตนก็พร้อม แต่พอมาเจอเขาไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร รอได้เพราะอยากไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าไม่เคยคิดอยากจะฟ้อง จริงๆ แล้ววันนี้ไม่ควรจะต้องมายืนที่ศาลด้วยซ้ำ ควรจะคุยกันตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว แต่ในเมื่อคุยกันไม่ได้มันก็เลยต้องมาที่ศาล และในขณะที่มาที่ศาลวันนี้ก็ยังไม่พร้อม 6 เดือนแล้ว ตนก็เลยไม่รู้ว่าเตรียมเอกสาร 6 เดือนยังไม่พอเหรอ วันนี้ยังไม่พร้อมอีก แต่โอเครอได้เพราะอย่างที่บอกว่าตนพร้อมเสมอ ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอเขาอย่างเดียว

ต่อข้อถามว่าจะมีโอกาสคุยกันนอกรอบก่อนถึงวันที่ 24 สิงหาคม หรือไม่ นายธนพัฒน์ ทนายความกล่าวว่า แนวโน้มคิดว่าคงน้อย ตนว่ารอคุยพร้อมกับศาลให้ท่านไกล่เกลี่ยดีกว่า ผลการไกล่เกลี่ยน่าจะจบง่ายกว่า แต่แนวโน้มโอกาสที่จะตกลงกันได้ ตนก็มองว่ามีสูงนะครับในนัดหน้า คือวันที่ 24 สิงหาคม ถามว่าจะได้เงินก้อนนี้คืนไหม ในส่วนของเงินตนว่าได้คืนอยู่แล้ว แต่จะได้คืนเท่าไหร่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องคุยกันและดูเรื่องความเสียหาย ตนไม่ได้มองว่าจะต้องเอาเท่านั้นเท่านี้ แต่ดูว่าความเสียหายจริงๆ เป็นยังไง ข้อเท็จจริงเป็นยังไง ให้เขามาคุยกัน และแบ่งกันตามสัดส่วน

ด้าน น.ส.ซีแนม เสริมว่า อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า ตอนนี้ไม่ใช่ประเด็นเรื่องเงิน วันที่ตนโพสต์วันนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นเรื่องเงิน แต่อยากบอกให้ประชาชนรู้ว่ามันเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่มีสิทธิ์จะเรียกร้องความถูกต้อง ตนกับตัวน้องหุ้นส่วนทำไมถึงมายืนในวันนี้กับทนาย เพราะกำลังมาแสดงในความถูกต้อง ฉะนั้นหากศาลตัดสินว่าใครถูกต้องก็คือตามนั้น มันได้คืนหรือไม่ได้คืน ตนว่ามันไม่ใช่ประเด็น แต่ตนจะมาบอกว่าไม่เป็นไรโดยที่คิดกันเองก็ไม่ได้ ต้องไม่คืนเพราะอะไร และไม่ได้คืนเพราะอะไร น้องหุ้นส่วนอีกคนก็ต้องได้คำตอบเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าฝั่งเขาชี้แจงว่าจ่ายตรงนู้นตรงนั้นไป เงินอาจจะเหลือน้อย ฝั่งเราก็ไม่ได้ติดใช่ไหม น.ส.ซีแนม กล่าวว่า ไม่ติดใจค่ะ คือจริงๆ ชี้แจงใบเสร็จตั้งนานแล้วด้วย เขาเป็นคนทำกระดาษเอง อันนี้ลองถามเขาดู มันตั้งนานแล้ว แต่ทีนี้จะมีเรื่องอื่นอะไรก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ตนไม่ได้ติดเรื่องตัวเลข ไม่ติดตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ติดเลย น้องหุ้นส่วนอีกคนก็น่าจะไม่ติดใจอะไรเหมือนกัน เราเข้าใจและเห็นตรงกันว่าแค่ต้องการความชัดเจน ความถูกต้อง เท่าไหร่อะไรยังไงก็แค่เคลียร์กันไป แค่นี้เอง มันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่วันนี้เขาไม่คุยเลย เขาบอกแค่ว่าวันนี้เขาไม่พร้อม

ต่อข้อถามว่า มั่นใจไหมว่าจะจบการไกล่เกลี่ยในครั้งที่ 2 แน่นอน นายธนพัฒน์ ทนายความ กล่าวว่า ตนก็ยังไม่กล้ายืนยันว่า 100% ต้องรอดูก่อนว่านัดที่ไกล่เกลี่ยจะเป็นยังไง รอดูเงื่อนไขกับข้อเสนอของเขาว่ามันจะพอจบกันได้ไหม คือต่างคนต่างต้องปรับเข้าหากัน ไม่ใช่ว่ทางตนจะเอาอย่างเดียวและไม่ลดเลย หรือเขาจะมาตึงใส่ คือทั้งสองฝั่งต้องปรับเข้ามากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้คนยังไม่รู้ว่าคู่กรณีเราคือใคร เพราะเป็นอักษรย่อมาตลอด แต่วันนี้คนรู้แล้วว่าเป็น “ดิว-อริสรา” มีอะไรจะบอกไหม น.ส.ซีแนม กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนบอกนะคะว่าเป็นเขา แต่ว่าเขามาเอง ถือว่าแนมไม่ได้พูด อย่างที่บอกเลยว่าวันนี้มายืนตรงนี้ก็ยังยืนยันอยู่ว่าอยากให้เขามาคุยตั้งแต่วันแรกเสมอ คุยกันไหม เคลียร์กันไหม คนวงการเดียวกัน มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะเลาะกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ดี จนวันนี้ต่อให้ตนจะเป็นคนพูดแรงแค่ไหน ในใจก็ยังอยากคุยอยู่ดี แม้กระทั่งเมื่อสักครู่ตนก็พยายามจะมองหน้าเขาว่าจะคุยกับตนไหม เขาก็ไม่อยากที่จะคุยกับตน เลยรู้สึกว่าในเมื่อหนึ่งคนอยากคุย อยากไกล่เกลี่ย อยากถาม แล้วเขาไม่คุย มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะสุดท้ายแล้วลองนึกถึงวันแรกที่ตกลงทำกันสิ ทุกคนตกลงกันด้วยใจ วันที่จะจบควรจบกันด้วยใจ ไม่ใช่จบด้วยเรื่องที่มันไม่ดี เพราะตนเกิดมาในวงการสิบกว่าปีไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย จนวันนี้ก็ไม่อยากเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วก็ฝากไปบอกเขาว่าจริงๆ แล้วมันควรจะจบได้ด้วยดี คุยกันเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด เพราะตนคุยได้ทุกเรื่อง

จากนั้น น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ นายสาคร ศิริชัย และนายนัฐพล สุขบรรจง ทนายความ ออกมาให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ต่อ

ดิว อริสรา เผชิญหน้า ซีแนม พร้อมทนาย เปิดใจครั้งแรก หนังคนละม้วน

โดย น.ส.อริสรา กล่าวว่า จริงๆ วันนี้ตนไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยซ้ำ เพราะนัดครั้งแรกสามารถให้ทนายมาได้ แต่ด้วยหนึ่งตนต้องให้เกียรติศาล สองคือเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากอึดอัดมานานแล้วไม่ได้พูด สาเหตุที่ไม่เคยออกมาพูดใดใดทั้งสิ้นเพราะว่าถ้าพูดไปบางทีมันอาจจะมีกรณีโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ เลยให้มันสู่เข้ากระบวนการศาลก่อน แล้วค่อยออกมาพูด ฉะนั้นบอกเลยว่าที่มาวันนี้เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ส่วนที่ตนยังไม่ได้คืนเงินเขาเป็นเพราะมันยังมีอีกคดีหนึ่งที่คั่งค้างกันอยู่ ซึ่งจะให้ทนายเป็นคนให้พูดดีกว่าค่ะ

ด้าน นายสาคร ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นจากการที่หุ้นส่วนมาทำธุรกิจร่วมกัน 5 คน คุณดิวกับทางหุ้นส่วนที่เป็นคู่กรณีกันได้ไปทำสัญญาเช่าตึก แต่เกิดมีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่คือเจ้าของสถานที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ได้ ธุรกิจจึงยังเกิดขึ้นไม่ได้ ในขณะนี้มีกรณีที่ฟ้องร้องกันอยู่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ตอนนี้คุณดิวรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ว่าไม่คืนแต่มันมีปัญหาของมันอยู่ นอกจากนี้หุ้นส่วนอย่างคุณหนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ ก็ไม่ได้ติดใจเรียกร้องหรือมีปัญหาใดใด แต่ถามว่าในเรื่องเงินเจตนาของคุณดิวต้องการจะคืนไหม ตามที่เป็นข่าวเสมือนหนึ่งว่าทางฝั่งตนหลบเลี่ยง คือมันมีปัญหามากกว่านั้นเมื่อหุ้นส่วนมีความเข้าใจผิดกันจะเอาเงินคืนอย่างเดียว แล้วก็ปัญหาที่มันเกิดเช่นไปฟ้องร้องกับบุคคลภายนอกซึ่งเป็นเจ้าของตึก สิ่งเหล่านี้ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ มิใช่จะไปยอมให้ภาระตกอยู่กับหุ้นส่วนเพียงคนเดียว ซึ่งคุณดิวเขาสู้ด้วยตัวเองอยู่ขณะนี้แต่ไม่อยากออกมาพูดตรงนี้ แล้วก็การทวงถามอะไรต่างๆ ถ้าคนที่เป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจกันควรจะทำด้วยความสุภาพ ไม่ใช่ไปป่าวประกาศผ่านสื่อหรือออนไลน์ต่างๆ ซึ่งต่อให้ทางฝั่งตนจะไม่ดำเนินคดีอยู่แล้วเพราะเป็นเพื่อนกัน แต่มันสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี สร้างความกระทบกระเทือนจิตใจระหว่างคนที่เป็นหุ้นส่วน ในขณะนี้ทางฝั่งตนก็ต้องให้ข่าวด้วยความระมัดระวังเพราะคดีจะมีการไกล่เกลี่ยในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ซึ่งตนจะนำเรื่องอื่นคือคดีที่ฟ้องร้องเจ้าของตึกซึ่งฟ้องร้องอยู่สองล้านบาท รวมถึงมีการเสียค่าทนายไปเป็นหลักแสนบาทแล้ว อันนี้ก็ต้องมารับผิดชอบร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางหุ้นส่วนที่เป็นคู่กรณีบอกว่าการฟ้องร้องเจ้าของตึกจะต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนก่อน ทำไมดิวถึงตัดสินใจไปฟ้องเองคนเดียว น.ส.อริสรา กล่าวว่า ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกมีการคุยกันเรียบร้อยแล้วว่าจะฟ้องร้อง สุดท้ายพอเขารู้ว่าตนมีเหตุผลแบบนี้ที่ยังไม่ได้คืนเงินเขา เขาก็เลยบอกว่าโอเคงั้นเขาไม่ฟ้อง ซึ่งก็ต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าหุ้นส่วนมีทั้งหมด 5 คนก็จริง แต่หุ้นที่ตนลงคือ 60% เงินสองล้านกว่าบาทสำหรับเขา 10% มันคือแค่สองแสน แต่ของตนมันคือล้านกว่าบาทเลยนะคะ ซึ่งเงินของตนก็ไปจมอยู่ตรงนั้น ถ้าตนเป็นคนถือหุ้นแค่ 10% ก็คงเป็นคนโหวตจะไม่ฟ้องร้องเหมือนกันเพราะไม่อยากมานั่งเสียเวลา แต่ทุกคนก็ต้องเห็นใจดิวด้วยว่าตนเป็นหุ้นที่เยอะที่สุด และชื่อคนฟ้องร้องก็เป็นชื่อตนอีกต่างหาก ในขณะเดียวกันสัญญาที่เซ็นไปต้องบอกก่อนว่ามันเป็นสัญญาที่เขาสามารถฟ้องกลับได้ด้วยเพราะทำผิดสัญญาที่ไม่จ่ายค่าเช่า ฉะนั้นตนก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองเหมือนกัน

“ในขณะที่วันแรกเราทำธุรกิจกันแบบครอบครัวพี่น้อง ดิวเพิ่งรู้เหมือนกันค่ะว่าการทำธุรกิจที่ถูกต้องมันคือเราออกเสียงกันตามจำนวนคนใช่ไหม ไม่ได้ตามจำนวนเงินหรือหุ้นที่ลงเหรอ ความจริงเราทำธุรกิจกันมันต้องออกเสียงกันตามจำนวนหุ้นหรือเปล่า ในจำนวนเงินหกล้านบาท ดิวลงเงินไปสามล้านหกแสนบาทนะคะ เขาลงไป 10% คือแค่หกแสนบาทเอง ถ้าจะเจ็บมันต้องเจ็บที่ดิวหรือเปล่า ซึ่งเรื่องทุกอย่างพวกนี้คุยกันหมดแล้ว จริงๆ ดิวเป็นคนนัดเองด้วยซ้ำว่าจะคืนเงินให้กับทุกคน แต่วันนั้นมันมีปัญหา เขาชี้หน้าด่าและขู่ดิวว่าจะทำลายชื่อเสียง ซึ่งดิวไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงได้มีทนายความพร้อม หลังจากวันนั้นก็ตั้งหลักเพราะเริ่มน่ากลัว เลยไปปรึกษาพี่ไผ่ วันพอยต์” ดาราสาวกล่าว

ต่อข้อถามว่า ทางฝั่งโน้นยืนยันว่าไม่ได้มีการคุยเรื่องการคืนเงินเลย น.ส.อริสรา กล่าวว่า ไม่จริงค่ะ นัดคุยกันวันนั้นแล้วที่สถานที่หนึ่ง แล้วก็มีการชี้หน้าด่าตนตรงนั้น รวมถึงเขาท้าบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปด้วยอารมณ์ พูดจริงๆ ว่าตนก็เป็นคนที่ไม่ได้ระงับอารมณ์ได้ขนาดนั้น เมื่อคุยไม่รู้เรื่องก็ต้องใช้ทนายความไหม

ด้าน นายสาคร ทนายความ กล่าวว่า นับตั้งแต่บัดนี้ไปคดีมันขึ้นสู่ศาล ว่าคดีนี้โดยภาพรวมแล้วเป็นเพื่อนกันทำธุรกิจ แล้วคดีก็สู่ระบบไกล่เกลี่ย เจตนาคือคุณดิวคืนเงินแน่แต่ต้องมาคุยกันให้เข้าใจในระหว่างคนทำหุ้นส่วน จบด้วยกัน รับผิดด้วยกัน กำไรด้วยกัน เมื่อมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ใช่มาทิ้งภาระให้บุคคลอื่น ทีนี้คดีนี้มันมีทางจบ ทางตนยินดีคือถ้ารับเงื่อนไขหนึ่ง…สอง…สามได้ โดยให้ศาลเป็นคนไกล่เกลี่ยเพราะว่าไปคุยกันเองรู้สึกจะมีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามถึง สิ่งที่ทางฝั่งโน้นเขียนมาว่าดิวเอาเงินไปใช่ส่วนตัว ตรงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง ดาราสาว กล่าวว่า ตนเป็นคนใช้เงินเก่ง แต่ก็เป็นคนหาเงินมา แล้วทั้งนี้ทั้งนั้นตนก็ไม่ได้เอาส่วนนั้นไปใช้ ลองคิดกันดูดีๆ ลองคำนวณกันดูดีๆ มันพอไหมล่ะที่ตนใช้ไป มันมองกันง่ายๆ มันไม่ใช่หรอกค่ะ แล้วที่ถามว่าเงินของเขามันจำนวนหลักแสน ทำไมตนไม่ตัดสินใจจ่ายให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมีข่าว นั่นเพราะว่ามันกรณีอีกคดีนี้อยู่ด้วยไง แล้วตนกับเขาคุยกันไม่รู้เรื่อง ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะทิ้งหุ้นไหม หรือจะยังไงกับตนหรือเปล่า คือถ้าคุยกันรู้เรื่องอย่างในกรณีบางคน ยกตัวอย่างน้องหนูนา ซึ่งน้องพร้อมให้พี่ทุกคนไปสัมภาษณ์ได้เพราะไม่มีปัญหาเลย

หนูนา นางเอกสาว ร่วมหุ้นอีกคน ดิว เผย หนูนา ไม่ติดใจ

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ อยากไปแถลงมาก หนูนาบอกพี่เดี๋ยวหนูไปด้วย เพราะเราก็บอกว่าหนูนาเอาคืนไปเลย เขาก็บอกไม่เอาพี่ดิว พี่ฟ้องร้องอยู่แบบนี้หนูจะเอาคืนได้ยังไง หนูนาเขาไม่อยากทำให้ดิวรู้สึกว่าเขาทิ้งดิว แต่อย่างอีกกรณีบางคนที่ดิวคืนไป คือหนึ่งเขาเดือดร้อน เขามาคุยกับดิวแบบดีๆ แล้วเราคุยกันเข้าใจ คนเดือดร้อน ดิวไม่ได้อยากเก็บเงินใครไว้สักบาทอยู่แล้ว พอเดือดร้อนปุ๊บดิวก็ให้เขา ดิวไม่ได้อิดออดในการให้เขาเลย และทุกๆ เงื่อนไขในด้านคดีความ ดิวเสนอเขาว่างั้นเซ็นเป็นสัญญากู้เงินได้ไหม เพราะดิวก็กลัวเหมือนกันว่าเดี๋ยวคนที่ไม่ประสงค์ดีจะมาเล่นดิวเรื่องนี้ นึกออกไหมค่ะ ดิวก็บอกงั้นเซ็นเป็นสัญญากู้ยืมเงินได้ไหม เขาก็ยินดี คือยินดีทุกอย่างเลย อย่างนี้คือคุยรู้เรื่อง หุ้นส่วนอีกสองคนที่ไม่ใช่คู่กรณีเขาเข้าใจ หนูนาเข้าใจเลย ให้เงินยังไม่เอาเลย ส่วนอีกคนอันนั้นเราก็คืนกันส่วนตัว เพราะเขาเดือดร้อน ดิวก็กะว่าโอเคถ้าคุยกันเรื่องธุรกิจไม่ลงก็กลายเป็นยืมเงินดิวไปละกัน เดี๋ยวดิวเอาเงินดิวมาโปะตรงนี้ก็ได้” ดาราสาวกล่าว

ด้าน นายสาคร ทนายความ เสริมว่า เดี๋ยวครั้งหน้าจะเชิญเขามาด้วย ว่าหุ้นส่วนคนอื่นที่ว่ายังไม่ได้รีบเงินคืน เขามีความรู้สึกยังไง ในส่วนของคู่กรณีถามว่าจะรอให้คดีฟ้องร้องเจ้าของตึกจบก่อน ถึงจะคืนเงินทุกคนครบใช่ไหม คือไม่ถึงขนาดนั้น ในนัดหน้าถ้าคุยกันบรรลุข้อตกลง ซึ่งฟ้องนัดคดี 1 ตุลาคม อาจจะได้บรรลุข้อตกลงว่ายอมรับค่าใช้จ่ายที่มันจะเกิดขึ้น แล้วก็ยอมรับเงื่อนไขที่ทางฝั่งตนเสนอบ้าง ไม่ใช่ฝั่งเขาเสนออย่างเดียว แล้วอาจจะให้หนูนามาด้วยในนัดหน้านี้ แล้วก็รอฟังความคืบหน้าในเดือนหน้าแล้วกันนะครับ

ต่อข้อถามว่า ทำไมปล่อยให้เวลามันผ่านมาขนาดนี้ จนทุกคนต่อว่าและมองไปในทางที่ไม่ดี ดาราสาว กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก ถ้าตนพูดอะไรไป เดี๋ยวจะมาฟ้องไง เพราะเขาพูดอะไรไปทุกอย่างครอบคลุม คือคิดมาแล้ว บอกตรงๆ ว่าคิดมาแล้ว ทุกอย่างที่ทำ ตนรู้สึกว่าโดนดิสเครดิตอย่างหนักมาก เพราฉะนั้นถ้าตนออกมาแก้ตัวอะไร หรือออกมาพาดพิงถึงเขา ถ้าพลาดนิดเดียวบางสิ่งบางอย่างจากที่ตนไม่ผิดจะกลายเป็นผิดไง

ผู้สื่อข่าวตามต่อว่า ตอนที่เจอหน้ากันในศาล ทำไมถึงไม่เข้าไปคุยกัน น.ส.อริสรา กล่าวว่า ไม่มีใครมาเจอภาพสุดท้ายที่ตนเจอเขา คือภาพสุดท้ายที่เจอเขา อีกนิดหนึ่งเขาก็จะถึงตัวตนอยู่แล้วนะ อีกนิดหนึ่งแก้วกาแฟตนก็จะไปอยู่แล้วนะ คือตอนนั้นตนโดนห้ามแล้ว เพราะฉะนั้นมันเลยจุดนั้นมาแล้ว”

“ส่วนที่เขาบอกว่านางร้ายได้ส่งคนมาข่มขู่เขา เรื่องจริงมันไม่มี แล้วดิวก็เห็นเขาออกรายการแล้วซึ่งเขาก็บอกว่ามันไม่มี แต่ดิวก็ไม่รู้ว่าเขากำลังใช่สื่อเป็นเครื่องมือ หรือมันเกิดอะไรขึ้น แต่ดิวว่าตัวเขารู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นยังไง ดิวไม่ใช่คนโง่นะ” ดาราสาวกล่าว

ต่อข้อถามว่า อยากบอกอะไรกับสังคมไหม นายสาคร ทนายความ กล่าวว่า คุณดิวออกมาพูดความจริงวันนี้นะครับ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เขาเอาเงินมาให้แล้วจะไม่คืน แต่มันมีคดีอื่นๆ ซึ่งสังคมยังไม่เคยทราบเลย ว่าคุณดิวไปฟ้องเสียค่าทนายไปกี่แสน ฟ้องเจ้าของสถานที่ยังไง เบื้องลึกเบื้องหลังในการทำสัญญาธุรกิจมันเกิดขึ้นไม่ได้เพราะอะไร หนึ่งเพราะสัญญาเช่ามันมีปัญหา สองหุ้นส่วนทะเลาะกัน จะได้อย่างเดียวมันไม่ได้ การลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้มันก็ไปกันไม่ได้ อันนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วที่ผ่านมายังไม่ได้พูด ทีนี้คดีมันขึ้นสู่ศาลแล้ว ทางฝั่งตนก็ยินดีพูดบนศาล เงินคืนได้ แต่ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนนะครับ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ณ วันนี้ยังลำบากใจเรื่องอะไรอยู่บ้าง น.ส.อริสรา กล่าวว่า ไม่หรอกค่ะ ตนว่าทุกคนต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าการทำธุรกิจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แล้วมันก็มีดีเทลเยอะ ที่ผ่านมาตนไม่มีโอกาสมาพูดอะไร เพราะไม่ได้เลือกที่จะพูดเองด้วย วันนี้ก็ลองฟังในมุมนี้ดู แล้วตนไม่โกรธนะถ้าใครจะว่า หรือว่าอยากจะมาคอมเมนต์อะไร เพราะว่าต่างคนมันบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว

“ถามว่ายังจะเปิดธุรกิจนี้อยู่ไหม ขอเรื่องนี้จบก่อน จริงๆ หนูนาบอกพี่ดิวพวกเราทำต่อกันเลยไหม แต่ก็บอกว่าพักก่อนเพราะว่าเหนื่อยมากจริงๆ ต้องสารภาพเลยว่าประสบการณ์ครั้งนี้คือทำให้รู้ว่าบางทีดิวคิดน้อยเกินไป หมายความว่าไปเซ็นได้ยังไงคนเดียว ชื่อเราคนเดียว บางทีดิวคงคิดน้อยไปจริงๆ ค่ะ” ดาราสาวกล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน