บอมบ์ นาดาว แจงข่าวลือปลด ‘กัปตัน’ ชี้ดำเนินคดี หาความจริงในความโป๊ะแตก

บอมบ์ นาดาว / วันที่ 24 ก.ค. น.ส.จงจิตต์ หรือ บอมบ์ อินทุ่ง รองผู้อำนวยการแผนกดูแลศิลปิน บริษัท นาดาว บางกอก (จำกัด) ต้นสังกัดของดาราหนุ่ม ‘กัปตัน-ชลธร’ กล่าวว่า เมื่อคืน(23ก.ค.)ที่ได้คุยกับครอบครัวของกัปตัน บรรยากาศปกติ ไม่ได้ตึงเครียด ใช้เวลาคุยกันพักหนึ่งจึงได้ข้อสรุปตามที่มีจดหมายชี้แจงออกไปว่าจะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับทางฝ่ายหญิง

ทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็น แล้วสุดท้ายครอบครัวเป็นคนตัดสินใจ เนื่องจากเขามีการคุยกันมาเบื้องต้นแล้วกับกัปตัน เมื่อคืนกัปตันไม่ได้มาร่วมคุยด้วยเพราะติดถ่ายงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะเดินทางกลับวันนี้

ต่อข้อถามว่าจะเอาเรื่องทางฝ่ายหญิงให้ถึงที่สุดใช่หรือไม่ น.ส.จงจิตต์ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย เพียงแต่ว่ากฎหมายมีขั้นตอนของมันอยู่ อยู่ในช่วงให้ทนายหารือกันว่าจะดำเนินคดีในข้อหาอะไรบ้าง รายละเอียดในส่วนนี้ถ้าได้แล้วก็จแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้ต้นสังกัดจะพูดคุยกับกัปตันอย่างไร ในการทำงานท่ามกลางความสงสัยและค้างคาของคนรอบข้างในสังคม น.ส.จงจิตต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าคนข้างนอกก็ยังรู้สึกคล้ายๆ กันว่าเรื่องยังไม่กระจ่างชัดเจน ตอนนี้สิ่งที่ครอบครัวตัดสินใจเรื่องจะดำเนินการตามกฎหมายเนื่องจากว่าทุกอย่างยังเคลียร์ไม่ชัด หมายถึงว่ากระแสสังคมเข้าใจได้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง แต่ครอบครัวและหลายๆ ฝ่ายก็อยากทำสิ่งนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงมันปรากฏเป็นรูปธรรม

ฉะนั้นถามว่ากัปตันและครอบครัวคิดมาแล้วว่าหลังจากที่ดำเนินการตรงนี้จะต้องเจออะไรบ้าง เชื่อว่าเขาคงเตรียมตัวและเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าเจอคนก็คงมีคำถามว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรเพราะการดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้จบในวันสองวันอยู่แล้ว กัปตันเลยพร้อมที่จะยอมรับกับสิ่งที่ต้องเจอและเดินหน้าในส่วนของการทำงานต่อไป

จริงๆ ช่วงที่ผ่านมากัปตันอยู่ได้ด้วยการทำงานเพราะเป็นสิ่งที่เขารักและเป็นหลักในการโฟกัส ตั้งแต่ต้นเราก็พอรู้เรื่องมาระดับหนึ่ง ค่ายนาดาวก็พร้อมซัพพอร์ตและอยู่เคียงข้างเขาจนมาถึงตอนนี้ ในเมื่อการทำงานเขายังตั้งใจอย่างเต็มที่ ฝึกซ้อม เรียนรู้ รวมถึงพัฒนาการของเขาก็เริ่มดีขึ้นในเรื่องของการร้องเพลงและการเต้น ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความเครียดให้ตัวเขามาก แต่เขาก็เปลี่ยนความเครียดตรงนั้นมาเป็นความตั้งใจและแรงขับในการทำงานแทน

สำหรับงานนับตั้งแต่เกิดเรื่องมาค่ายไม่ได้รับงานเพิ่มให้เขา แต่งานที่มีอยู่เขาต้องรับผิดชอบและทำครบทุกอัน ก่อนหน้าอาจจะมีกระแสข่าวว่าค่ายได้ปลดเขาออกจากโปรเจ็กต์อะไรต่างๆ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตอนนั้นแค่มีการมาคุยกันมากกว่า หมายถึงว่าทางเจ้าของโปรเจ็กต์ไนน์ บาย นาย ได้เข้ามาคุยว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรและจะหาทางร่วมกันยังไง

พอทางค่ายยืนยันว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของกัปตัน ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าของโปรเจ็กต์และสปอนเซอร์ที่ก็เห็นตรงกัน ว่าในเมื่อค่ายยังคงอยู่กับกัปตัน ฉะนั้นก็เดินหน้าทำงานไปด้วยกันหมือนเดิม” น.ส.จงจิตต์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า ต้นสังกัดจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจกับเพื่อนๆ ของกัปตันด้วยไหมว่าไม่ให้พูดเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นเลย น.ส.จงจิตต์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยของกัปตัน ทางค่ายคงไม่ได้เข้าไปคุยหรือก้าวก่ายอะไร ตนเชื่อว่าเจตนาของเพื่อนของกัปตันทั้งหมดเป็นเจตนาที่ดีที่อยากช่วยเหลือ แต่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนตนคงไม่ได้เข้าไปคุยในจุดนั้น

แต่ในส่วนของเพื่อนในโปรเจ็กต์ไนน์ บาย นาย การฝึกซ้อมตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการฝึกซ้อมแยก มีคลาสที่เจอกันบ้างนิดหน่อย แต่พอเจอกันแล้วทุกคนคุยแต่เรื่องงานและการฝึกซ้อม ไม่มีใครคุยเรื่องข่าวเลย ทุกคนรู้ด้วยตัวเองว่าสิ่งนี้ไม่ควรพูดถึงเพราะอยู่ในขั้นตอนของอนาคตที่ต้องพิสูจน์กัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวได้เจอและพูดคุยกับกัปตันหรือยัง น.ส.จงจิตต์ กล่าวว่า หลังจากที่กัปตันไปปฏิบัติธรรมยังไม่ได้เจอกันเลย ถามว่าจะมีการพูดคุยกับเขาเรื่องนี้โดยตรงด้วยไหม อาจจะยังไม่ได้เจอ ตอนนี้ทิศทางของทางครอบครัวและกัปตันก็แจ้งทางค่ายชัดเจนแล้ว เพียงแต่ว่าถ้ามีการอัพเดตคืบหน้าในเรื่องกระบวนการกฎหมายหรือเวลามีคิวซ้อมเต้นที่เขาต้องมาด้วยก็อาจจะได้เจอกัน

ถามต่อว่า สิ่งที่ครอบครัวและกัปตันต้องการมากที่สุดจากการตัดสินใจที่จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับทางฝ่ายหญิงคืออะไร น.ส.จงจิตต์ กล่าวว่า ตอนแรกทุกฝ่ายก็มีการคุยกันว่าจะดำเนินการทางกฎหมายไหม ความเห็นที่ตรงกันคือถ้าไม่ดำเนินการทางกฎหมายความจริงก็จะไม่ปรากฎ

สิ่งนี้คือเจตนาสำคัญของทุกฝ่ายที่คุยกัน คือต้องการความจริง ไม่ใช่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อต้องการเอาเป็นเอาตายหรือเอาค่าเสียหายใดๆ จากฝ่ายหญิง ซึ่งในส่วนนี้ทางทนายคงจะให้รายละเอียดที่ชัดเจนอีกทีหนึ่งค่ะ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน