‘ติ๊ก-เจษฎาภรณ์’ ผุดรายการใหม่ ‘เจ้าป่าเข้าเมือง’ เติมเต็มช่วงชีวิตที่หายไป
พระเอกหนุ่มชื่อดัง เจษฎาภรณ์ ผลดี มาร่วมงานฉลองครบรอบ 21 ปี บู๊ทส์ประเทศไทย ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องทำรายการใหม่ “เจ้าป่าเข้าเมือง” แฟนๆ ที่ได้ชมบอกว่า แปลกตาไม่คิดว่าพระเอกขวัญใจจะยอมทิ้งป่ามาเดินห้างได้
โดย ติ๊ก เผยว่า “อย่าว่าแต่คนดูแปลกตาเลย ผมเองก็แปลกใจว่าจะทำแบบนี้ได้ ถือว่าเป็นอะไรใหม่ๆ ที่โอเค เรารู้สึกได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ดู เราสามารถทำได้หรือเปล่า ก็ลองออกมาทำดู ก็แปลกดีเหมือนกัน เป็นการหาเรื่องเข้าเมือง โดยผ่านทางรายการ”
เหมือนเราได้เปิดเผยชีวิตอีกด้านให้แฟนๆ ได้เห็น
“เราได้มาเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างที่ช่วงชีวิตนึงของเราได้ขาดหายไป ในช่วงตั้งแต่ผมทำงานมา หลายๆ อย่างเราขาดหายไป เราไม่ได้เจอไม่ได้เห็นสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวที่อยู่ใกล้ตัวเราเองก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะมาห้างเพียงแค่จอดรถแล้วก็เดินเข้ามาที่งาน พอเขาประกาศเราก็ออกมาโบกมือทักทายแฟนๆ แล้วก็กลับบ้าน มีแค่นั้น นอกนั้นชีวิตของผมคือธรรมชาติ อยู่ในป่า ในทะเล รายการนี้ผมได้มาเติมเต็มสิ่งที่หายไป เหมือนเราเปิดโลกให้กว้างขึ้น แค่คุณเปิดโลกก็เปลี่ยน”
ติ๊ก เจษฎาภรณ์
ยังมีอะไรที่ชีวิตเรายังไม่เคยทำ และอยากทำให้แฟนๆ ดูอีกไหม
“ผมคิดว่าในทุกๆ ตอนน่าจะมีอะไรที่แปลกหมด สำหรับผมนะครับ สำหรับคนอื่นที่มีชีวิตอยู่ในเมืองคงไม่แปลกอะไร ผมเองรู้สึกแปลกและยังไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถทำได้หรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าจะยากอะไร แน่นอนน่าจะยากกว่าเดินป่าอยู่แล้ว”
เริ่มเปลี่ยนชีวิตมาลองทำอะไรใหม่ๆ หรือเล่นโซเชียลตั้งแต่เมื่อไหร่
“ตอนช่วงแรกๆ เราก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่พอเราใช้ชีวิตนานเข้า คนรอบๆ ข้างเรา เพื่อนๆ เขาเริ่มมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามา เราได้สัมผัสกับมันบ้าง ต้องถามว่าเราจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์และดีกับเรายังไง จะบอกว่าเราไม่สนใจเลยก็ไม่ได้ เพราะในตอนนี้ชีวิตประจำวันของเรา ก็ต้องสัมผัสและเจอกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราได้เรียนรู้และรู้จักบ้างก็ดี แต่ไม่ถึงกับไปติด หรือเราต้องพึ่งพาแบบนี้เสมอไป ถึงแม้ว่าเราไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์มือถือ เราก็สามารถอยู่แล้ว ไฟฟ้าดับเราก็สามารถอยู่ได้ เราต้องอยู่ให้ได้ในโลกใบนี้ในทุกๆ แบบ”
รายการใหม่ เจ้าป่าเข้าบ้าน
ในอนาคตลูกต้องโตมากับโซเชียลเน็ตเวิร์ก เราจะนำมาปรับใช้เพื่อให้รู้เท่าทันลูกไหม
“ก็ดีนะครับ เพราะว่าเด็กสมัยใหม่เขาเกิดมาแบบนี้ เขาโตมาหนังสือหรือตำราอาจจะไม่มีแล้วก็ได้ อาจจะเป็นแบบสไลด์เอา เราต้องตามให้ทันและต้องเข้าใจว่าเขาทำอะไรอยู่ ก็ต้องครึ่งๆ ครับ ในขณะเดียวกันก็ต้องสอนให้เขารู้จักการทำด้วยมือควบคู่ไปกับออโตเมติก เรื่องติดโซเชียลผมว่าใครๆ ก็สามารถติดได้ แต่ในการใช้ต้องได้ประโยชน์ยังไง มีข้อดีข้อเสีย อันนี้เราเป็นห่วงมากกว่า เราอยากให้ใช้แล้วเกิดประโยชน์มากกว่าผลเสีย”
Advertisement
การเล่นโซเชียลต่างๆ ใครเป็นคนสอน
“ไม่มีใครสอน วันนึงเราคิดว่าเรามีทีมงานที่ไว้ใจ เริ่มต้นก่อนเรามีฐานแฟนคลับที่เขามีสื่อโซเชียลทั้งหมด แฟนคลับก็พูดอยู่เสมอว่าทำไมพี่ติ๊กไม่เข้าอันนี้ไม่ดูอันนี้ ผมเองก็อยากจะทราบว่าเขาได้โพสต์อะไรไป หรือเขาได้ติดตามความเคลื่อนไหว หรืออยากจะคุยอะไรกับเรา เริ่มจากตรงนี้ก่อน เราก็เริ่มรู้สึกอยากจะหาทีม สักทีมนึงเพื่อทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้ตรงนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว มาถึง ณ วันนี้ผมก็ยังเข้าใจน้อยมากๆ เลย แต่ก็พอจะเข้าใจครับ”
ตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนเป็นอย่างไรบ้าง
“แข็งแรงดีครับ คนโตก็ 4 ขวบกว่า คนเล็กก็ 8 เดือน สนุกดีครับ สเต็ปต่อไปคือเข้าโรงเรียน ไปส่งที่โรงเรียน เราเห็นภาพแล้วเมื่อก่อนคุณพ่อคุณแม่เราก็เคยทำแบบนี้มาก่อน เราเคยผ่านการไปส่งที่โรงเรียนครั้งแรกมาแล้ว ผมเข้าใจ เรามองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ เวลาเขาอยู่ที่โรงเรียนเราต้องไว้ใจคุณครูที่เขาจะคอยดูแล มันต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน เราก็อยากให้ลูกได้เจออะไรที่ใหม่ๆ บ้างนอกจากพ่อแม่ เพราะเขาต้องเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า เขาก็มีงอแงนิดหน่อย ตามประสาเด็กครับ”
คุณพ่อลูกสอง
รูปจากไอจี @peachystarlight
