เตรียมใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว! ‘แพท’ เผยคุยเรื่องดูแลลูก ทางฝ่ายชายกลับเงียบ

วันที่ 3 ก.ย. ที่ ชั้น 1 เซ็นทรัลลาดพร้าว แพท-ณปภา ตันตระกูล ดาราสาวชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัว “Auswelllife”(ออสเวลไลฟ์) ถึงอาการป่วยของลูกชาย ‘น้องเรซซิ่ง’ รวมถึงแจงเรื่องที่มีดราม่าว่าผิดใจกับคุณแม่ของสามี

เห็นว่าเรซซิ่งไม่สบาย?
“ใช่ค่ะ น้องเป็นไวรัสแต่ไม่ใช่ RSV จริงๆ น้องป่วยตั้งแต่วันศุกร์(31ส.ค.) มีอาการตัวร้อนแล้วคือวันเสาร์ยังไม่ดีขึ้น วันอาทิตย์เลยไปตรวจอีกรอบนึง แต่ทางคุณหมอไม่ให้แอดมิตเพราะว่าโรงพยาบาลเตียงเต็, พอจะย้ายโรงพยาบาล อีกโรงพยาบาลหนึ่งก็เต็ม ซึ่งอาการทั่วไปตรวจแล้วรู้ว่าเป็นไวรัสธรรมดาที่ไม่ใช่ RSV คุณหมอเลยไม่อยากให้อยู่โรงพยาบาล เพราะเดี๋ยวจากไวรัสธรรมดาจะกลายเป็นไวรัสที่ติดจากโรงพยาบาล คุณหมอเลยอยากให้เอากลับบ้าน”

“กลับบ้านมาก็ป้อนยาเช็ดตัว ถ้าไม่ดีจริงๆ ค่อยว่ากัน ก่อนจะมางานวันนี้ก็เอาไปโรงพยาบาล คุณหมออีกคนก็บอกว่าไม่มีอะไร น่าจะเป็นเด็กเจ็บคอ ซึ่งเด็กๆ พอเจ็บคอ คอแดง จะไม่เหมือนผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ยังมีภูมิคุ้มกัน แต่เด็กเจ็บคอจะคอแดง เขาจะเป็นไข้แล้ว พอเราเป็นแม่ได้เช็ดตัวแล้วตัวยังร้อนอยู่ เราก็จะกังวล พาไปหาคุณหมอดีกว่า”

น้องเรซซิ่ง-แม่แพท

เขามีอาการงอแงไหม?
“งอแง ไม่ต้องนอนกันไปเลยค่ะ ถามว่าเป็นการป่วยที่หนักที่สุดมั้ย จริงๆ เคยป่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่เรารู้สึกเองว่าครั้งนี้หนักกว่า เพราะครั้งแรกจำได้ว่าให้น้ำเกลือวันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลเลย แล้วก็แฮปปี้ แต่อาการครั้งนี้ วันนี้น่าจะเข้าวันที่ 4 แล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ดีขึ้นที่สุด คือตั้งแต่เช้ามาเราก็พยายามจับตัว โอเคแฮปปี้ตัวไม่ร้อนแล้ว”

“คุณหมอนัดอีกทีวันพุธ(5 ก.ย.) มาตรวจอีกครั้งหนึ่ง แต่คุณหมอบอกว่าเรซซิ่งเป็นเด็กที่แข็งแรง เพราะยังกินได้ ถ่ายไม่เหลวมาก เพราะคุณหมอบอกว่าถ้าเด็กที่กินไม่ได้ อันนั้นน่ะจะมีปัญหาแต่เรซซิ่งยังกินได้ ถือว่ายังโอเค”

คุณหมอบอกไหมว่าจะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ?
“บอกยากจังเล ยเพราะว่าโรคมากับฝนมากับอากาศ ตอนนี้อากาศมันไม่โอเคเลย โชคดีที่น้องยังไม่ได้เรียน เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นคือเด็กที่ไปโรงเรียน ถามว่าเรากังวลขนาดไหน ตอนนี้เรียกว่าโอเคแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คือมันบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร เราพยายามรักษา สุดท้ายก็ไปหาคุณหมอซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะตอนที่ตัวร้อนก็กลัวว่าเขาจะชักมั้ย เพราะถ้าเด็กชักแล้วมันไม่ดีเลย นั่นแหละคือสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด”อย่างเวลาออกงานมาเจอผู้คน คุณหมอเตือนไหม?
“ส่วนใหญ่คุณหมอก็จะให้ดูแล อย่างเช่นถ้าเสร็จแล้วขึ้นรถก็เช็ดไม้เช็ดมือตามประสา อย่างเราต้องบอกตรงๆ ว่าติดลูกมาก ชอบที่จะไปไหนกับลูก เราไม่ใช่แบบที่ว่าเป็นแม่ที่ทำงานแล้วทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง คุณหมอก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นคุณแพททำใจไปเลย เพราะเท่านี้เรซซิ่งก็ถือว่าแข็งแรงมาก”

มันเหนื่อยมากขึ้นไหมเพราะว่าต้องทำงานด้วยและต้องดูแลลูกด้วย?
“เหนื่อยตรงที่ว่าเรายังไม่ได้นอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า คือเราตื่นทั้งคืนเลยเพราะว่าเขาไม่สบายตัว แล้วเราก็ต้องตื่นมาทำรายการสด แต่เราต้องสู้ไง ถามว่าไม่สามารถฝากใครดูแลลูกได้เลยเหรอ ใจหนึ่งเราก็อยากฝาก แต่เรารู้สึกว่าการที่เราพาลูกออกมา อย่างแรกเลยเขาได้เห็นอะไรเยอะ เรารู้สึกว่าเขาจะได้ไม่กลัวคน เพราะถ้าเราฝากน้องไว้ที่บ้านอีก คือที่บ้านเราก็มีคนป่วยอยู่แล้ว 2 คน เลยคิดว่าเราเอาออกมาก็ไม่ได้เหนื่อยมากขึ้นเท่าไหร่”ถามถึงดราม่าที่มีข่าวว่าเราผิดใจกับแม่เบนซ์?
“เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ฉะนั้นเรื่องผิดใจกันตัดออกไปก่อน เพราะทุกวันนี้ไม่ได้คุยกันเลย คงได้คุยกันอีกทีน่าจะช่วงที่ต้องคุยกัน คือตอนนี้แพทก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เราแยกบ้านกัน แพทกลับมาอยู่บ้านแพท ทางแม่ของพี่เบนซ์เขาต้องเตรียมเรื่องของพี่เบนซ์ เมื่อเดือนที่แล้วพี่เบนซ์เขาขึ้นศาลถี่มาก เราก็ต้องขึ้นด้วย เราก็เข้าใจแม่เขา เขาขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อเราเลย”

“เขายอมรับตรงๆ ว่าเขาเหนื่อยกับการเตรียมเอกสารต่างๆ จนมาตอนนี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย เราก็ทำความเข้าใจกับตัวเองว่า แกก็คงวุ่นวายเรื่องของพี่เบนซ์อยู่ ส่วนแพทกับพี่เบนซ์เราคุยกันแล้วว่าออกมาคงต้องคุยกันจริงจังว่าจะเอายังไงกับเรื่องลูก เพราะตอนนี้แพทเลี้ยงลูกคนเดียว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทุกอย่างคือแพทคนเดียว”

“พอเราพูดกับพี่เบนซ์ไป แกก็บอกให้เรารอไปก่อน รอให้ทุกอย่างมันคลี่คลายกว่านี้ก่อน ว่าตัดสินแล้วเป็นไปในรูปแบบไหน แล้วเดี๋ยวเขาจะมาคุยกับเราอีกทีนึง ซึ่งแพทจะไม่ได้คุยกับแม่พี่เบนซ์อยู่แล้ว ต้องให้พี่เบนซ์เป็นคนคุยให้ แต่จุดนี้พี่เบนซ์เขายังไม่คุยให้ เราเลยคิดว่าเราไม่พูดดีกว่า แต่ก็บอกว่าเราเลี้ยงลูกไหว ณ ตอนนี้เราก็เลี้ยงมาปีกว่าคนเดียว ถ้าต่อไปเราจะต้องเลี้ยงอย่างนี้อีกเราก็ไหว”

การที่ไม่ได้คุยกันมันทำให้ปัญหาแย่ลงไหม?
“ตอนนี้ยอมรับตรงๆ ว่าห่างเหินกับครอบครัวของพี่เบนซ์ แพทแยกมาตั้งแต่พี่เบนซ์ติดแรกๆ เลย พอแยกแล้วการสื่อสารมันก็น้อยลงทันที ตอนแรกๆ คุณแม่พี่เบนซ์เขาอยากให้เราเอาหลานไปเยี่ยมเขาบ้าง แต่เราเองรู้ว่ามันยาก ไปอยู่ตรงนั้นเราไม่สะดวกกับอะไรหลายอย่าง ทั้งที่อยู่ ลูกเราโตขึ้นลูกเราต้องการใช้พื้นที่เยอะขึ้น แม่เราที่ต้องดูแลเพิ่มมากขึ้น พอเราเริ่มห่างออกมา การติดต่อน้อยลง หลังๆ การติดต่อก็จะเป็นเรื่องของคดีหมดเลย”

แพท เตรียมใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว

จากการตีความการสัมภาษณ์ของแพทช่วงหลังๆ ดูแล้วเหมือนความสัมพันธ์กับพี่เบนซ์จะไปกันไม่รอดเลย?
“ไม่ใช่แค่ทุกคนหรอกค่ะ ผัวดิฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน(หัวเราะ) คือเราก็พูดกับพี่เบนซ์ตรงๆ เขาก็เข้าใจนะ วันล่าสุดที่แพทไปขึ้นศาลแล้วเจอกัน เราก็บอกเขาเลยว่าพี่เบนซ์รู้ใช่มั้ยว่าแพทเลี้ยงลูกคนเดียวนะ แล้วลูกจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วนะ ถึงมันจะอีกปีนึง แต่มันก็ต้องแพลนแล้วนะ เราก็พยายามบอก แต่ถ้าทางนั้นยังเงียบอยู่ เราก็โอเคไม่เป็นไร”

“เอาเป็นว่าสุดท้ายก็รอเลยแล้วกันว่าจะเอายังไง ถ้าวันนึงศาลตัดสินแล้วออกมาได้ เราสองคนต้องคุยกันแล้วนะว่าเราจะไปต่อกันแบบครอบครัว หรือจะแค่ทำหน้าที่พ่อกับแม่ ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้าได้ก็ต้องปรับตัวมากๆ เลย เพราะตอนที่พี่เบนซ์ไปน้องอายุ 3 เดือน เขายังไม่รู้เรื่อง แล้วตัวพี่เบนซ์ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรเยอะแยะมากมาย”

“ตอนนี้ลูกขวบหกเดือนแล้ว กว่าเขาจะได้ออก ลูกก็ 2 ขวบแล้ว แพทก็คุยกับเขาตรงๆ ทุกคนก็รู้ คนรอบข้างก็รู้ว่าแพทดูแลลูกคนเดียว แพททำงานหนักมาก แพทบอกเขาว่าอย่าคาดหวังว่าแพทจะต้องไปเยี่ยมเขาตามตารางเป๊ะๆ ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละวัน แพททำไม่ได้ แพทเอางานมาก่อน”

พอเราอธิบายไปเขาเข้าใจไหม?
“เขาเข้าใจ เขาบอกแพทไม่ต้องมาก็ได้ ถ้าสมมติว่าพี่เลี้ยงว่างก็เอาลูกไปอย่างเดียวก็ได้ เราเลยโอเคว่าเขาคงเข้าใจเรา”

หลายคนมองว่าเราทิ้งเบนซ์?
“ไม่เกี่ยวกับทิ้งหรอกค่ะ แพทเชื่อว่าคนที่มีครอบครัว สุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเดินมาถึงจุดที่มันแยกกัน ตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราก็ยังไม่ได้แยกกัน แค่รอคุยกัน คนจะคิดว่าคนข้างในเขามีความหวังเป็นเรา เราอย่าทิ้งเขา แต่คุณต้องมองคนข้างนอกด้วยว่า คนข้างนอกก็หวังเหมือนกันที่จะมีครอบครัวที่แข็งแรง รวมถึงคาดหวังการดูแล แพทเชื่อว่าต่อให้เขาอยู่ข้างใน เขาก็ยังดูแลเราได้ ทีนี้มันก็ต้องลองดูว่าเราสามคนจะคุยกันแบบไหน โอเคเรากลับมาแล้วต้องจูงมือกันไปให้ได้นะ หรือเราคุยแล้วมันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร”

ทุกวันนี้ถือว่าเราสตรองพอไหม หรือว่าบางวันแอบมีน้ำตา?
“ไม่เลยค่ะ ด้วยความที่เรามีอะไรหลายอย่างให้ทำเยอะมาก ลูกก็ต้องการการดูแลแบบเต็มร้อย งานก็ต้องเต็มร้อย เราเลยแทบจะไม่มีเวลามาคิดเรื่องตรงนั้นว่าทำไมนั่นทำไมนี่ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ติดต่อก็คือติดต่อ ไม่ติดต่อก็คือไม่ติดต่อ ไม่ว่างด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เป็นไร”

เตรียมใจกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไว้ไหม?
“เพิ่งจะมาเตรียมหลังจากที่เราได้คุยกับพี่เบนซ์ ฟีดแบ็กมันน้อย พอมันน้อย เราก็ค่อยๆ เตรียมมาเรื่อยๆ ค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน