‘ท๊อป-ดุ๊ก’ เผยมุมที่ทำให้ทุกคนรัก ‘โอ วรุฒ’ ยกเป็นบทเรียนชีวิต

วันที่ 13 ก.ย. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ท๊อป-ดารณีนุช และ ดุ๊ก-ภาณุเดช สองนักแสดงมากฝีมือ จัดกิจกรรมแจ้งผลการระดมทุน และเปลี่ยนแปลงวิธีการสนับสนุนผู้พิทักษ์ป่า ในโครงการใครรักป่ายกมือขึ้น จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงความประทับใจที่มีต่อ โอ-วรุฒ อดีตพระเอกผู้ล่วงลับ

โดย ท๊อป เล่าว่า “พี่โอเขาเป็นพระเอกในยุคเรา ยุคที่เราเป็นทั้งผู้ชมด้วย ต้องบอกว่าคุณดุ๊กเองก็มีความผูกพันที่เป็นครอบครัว”
ดุ๊ก : “โอเป็นเหมือนน้อง โดยครอบครัวคุณพ่อคุณแม่เราทำงานด้วยกัน กับคุณพ่อคุณแม่ของโอที่การบินไทย ถึงแม้ว่าตัวเราเองไม่ได้มีโอกาสได้เจอกับโอบ่อย หรือทำงานกับโอมากนัก แต่เวลาเจอกันเราก็เหมือนพี่เหมือนน้อง รู้สึกเหมือนเสียน้องคนนึง แล้วโอเป็นน้องที่น่ารัก แล้วทุกคนก็รักโอมาก และได้รับความสุขจากโอ ได้เสียงหัวเราะจากโอ”

“ไม่ว่าใครก็ตามก็จะรู้สึกได้ว่า โอเป็นคนมีเสน่ห์ น่ารัก และที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ อยากขอบคุณโน่แทนโอ เพราะโน่เป็นเหมือนพี่ชายคนนึง เพราะครอบครัวเราก็เป็นครอบครัวที่ทำงานการบินไทยด้วยกันมา แต่โน่เขาสนิทกับโอมาก เขาดูแลโอจนถึงที่สุด และจะดูแลต่อไป นับถือน้ำใจโน่มาก เป็นกัลยาณมิตรที่ดี อยากบอกว่าถ้าโน่ทำอะไรที่คิดว่าช่วยเหลือโอได้ ก็ให้บอกเรายินดีที่จะช่วย”

ดุ๊ก ภาณุเดช เล่าความประทับใจ โอวรุฒ

ท๊อป : “ถ้าเธอเป็นอะไรฉันก็จะทำให้อย่างนั้นเหมือนกันนะ (ดุ๊กหันไปกอดท๊อป) ความประทับใจในตัวโอ ต้องบอกว่าเขามีความเป็นเด็กสูงมาก เราสามารถชาร์จพลังเด็กจากโอได้ ถึงเขาจะแก่หรืออะไร อันแรกนะ เราไม่เคยเห็นใครใจใสเหมือนโอ เขาไม่เคยนินทาใคร ไม่ว่าใคร เขาหัวเราะก๊าก คือเขามีความเป็นเด็กสูงมาก เวลาโอมาสายหรืออะไรก็ไม่มีใครโกรธเขา เพราะเขามาถึง เขาก็ทำให้เราอารมณ์ดี เขาเป็นคนไม่คิดอะไรเยอะ”

“เขาทำตามหัวใจเขา เขาเป็นคนที่ปล่อยตัวให้เต็มที่ ทำให้ทุกคนไว้ใจ รักทุกคนหมด เขาเป็นคนแบบนี้ บางส่วนก็ตอบแทนเขากลับมาในทางบวก บางส่วนเขาก็โดนโกงบ้าง ก็เป็นชะตากรรมของเขา แม้ว่าโอจะเจอชะตากรรมที่ตกต่ำที่สุด เขาก็ไม่เคยเดินออกมาให้ใครเห็นเลย เขาก็อยู่กับตัวเอง กินเหล้าทำร้ายตัวเอง พอวันนึงเขาจะลุกขึ้นมาทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นบทเรียนที่ดีให้หลายคน ถึงแม้ว่าจะสายเกินไป แต่สิ่งที่โอทำทั้งหมด ทุกคนก็ให้อภัย ตั้งแต่เขาเสียชีวิตมา เราได้ดูคลิปรายการต่างๆ จนรู้เรื่องเขาหมดแล้ว เพราะคิดถึงเขา”

“ก่อนหน้านี้ก็เคยทำรายการด้วยกัน โอเขามืออาชีพมาก ให้เกียรติคนทำงานด้วยกัน ไม่เคยขโมยซีน แต่ถ้าเขามาสาย แล้วเรารอเขา 3 ชั่วโมง เขาก็ทำให้ตลกใส่จนลืมไปเลยว่ารอโออยู่ มาถึงก็จะเล่นกับทีมงาน ไม่มีความเป็นซูเปอร์สตาร์เลย ถามว่าเคยนึกโกรธเขามั้ย เคยนะ บางทีเราจะไปทำงานต่อ แต่โอมาสาย ก็ต้องยอมเสียงาน”

“เขาไม่เคยมาบังคับให้เราเข้าใจธรรมชาติของเขา แต่เรากลับเปิดใจ ด้วยความที่เขาเป็นคนมีความเป็นธรรมชาติสูง คือบางคนมาสายแล้วยังมาโกรธเรา เหมือนโยนความผิด ทำให้คนอื่นกลัว แต่โอไม่เคยทำแบบนั้น โอจะขอโทษแล้วทำให้ทุกคนรู้สึกดี เขาเป็นคนที่แบบเหมือนสิ่งที่ทำไป เขาไม่รู้เรื่องหรอก เขาเมา เขาแฮงค์อยู่ไง”

ท๊อป ดารณีนุช พูดถึงความประทับใจ โอ วรุฒ

จริงๆ เราเคยถามไหมว่าทำไมถึงมาสาย ทำให้ทุกคนในกองต้องรอ
ท๊อป : “มันก็เหตุผลนี้ เคยมีคนด่าเขานะเป็นผู้ใหญ่ เขาก็นั่งก้มหน้าเป็นเด็กๆ เขารอกันทั้งกอง ติดต่อไม่ได้ พอติดต่อได้ปุ๊บ ถามอยู่ไหน ผมอยู่ทะเล ฟังเสียงคลื่นสิครับ เขาเอาโทรศัพท์ไปจ่อทะเล เขาเป็นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่วายวอดยกกอง(หัวเราะ) อีโอฟังเสียงทะเลชิลอยู่”

เขาทำแบบนี้แต่คนก็ยังรักเขาอยู่ เราคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร
ท๊อป : “อย่างที่พี่ดุ๊กบอก มันเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีใครเหมือน ถามว่าทำไมทุกคนรักเขา รักด้วยมุมของตัวเองด้วยนะ เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรแต่หน้า คือใจมันเป็นคนอย่างนั้น เพียงแต่มันเป็นเทพบุตรในแนวผิดศีล รักษาศีลไม่ครบ(หัวเราะ) มันเป็นเทพบุตรเทวดาตกลงมา”

ดุ๊ก : “มีความเป็นมนุษย์มีทุกด้าน คือเขามีมุมดาร์กอย่างที่เรารู้ โออาจจะขยันดื่มเหล้าเยอะหน่อย เลยทำให้เขาอาจจะมาสาย หรือทำลายสุขภาพเขา แต่ในมุมสว่างมันเป็นมุมที่กลบมุมดาร์กของเขา ทำให้ทุกคนรับได้และรู้สึกเอ็นดูเขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นบทเรียนนะครับ ว่าเขาก็อาจจะเคยชินและทำร้ายตัวเองหนัก จนกระทั่งวันนึงที่คุณรู้สึกตัวและอยากกลับตัวเวลามันไม่พอ”

“อยากจะฝากว่าโอได้ให้บทเรียนกับทุกคน ใครที่ชะล่าใจอยู่ก็ให้พี่โอเป็นตัวแทนในการที่กระตุกให้ทุกคนรู้ว่า เวลาไม่รอใคร เวลาของทุกคนไม่เท่ากัน แล้วไม่ได้หมายความว่า อายุเรามากหรือน้อย เราจะอยู่ยงคงกระพัน มันไม่แน่เสมอไป ฉะนั้นต้องรู้ตัว”

ท๊อป : “มันไม่ใช่แค่เรื่องเหล้าอย่างเดียว หมายถึงคนเราติดอะไรหลายๆ อย่างที่มันทำร้ายตัวเรา โดยไม่รู้ตัว บางคนติดกินไม่มีวินัย ไม่พักผ่อนไม่ดูแลตัวเอง หรือเป็นคนไหลไปจบกับอะไรบางอย่างที่มันเป็นยางเหนียว อย่างที่โอติดอยู่ ตรงนั้นต่างหากที่ทำให้เราหันมามองตัวเอง เราเองยังหันมามอง ต้องตั้งเวลาชีวิตใหม่แล้ว ถ้าเกิดเรานอนดึก ตรงนี้ที่โอกำลังให้บทเรียนกับเราทุกคน”

ท๊อป-ดุุ๊ก

ณ วันนั้นที่เขาติดเหล้า แถมยังมาสายจนขึ้นชื่อ เราทั้งสองคนได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาบ้างไหม
ท๊อป : “คุยค่ะ คุยกันก่อนที่เขาจะเบี้ยวละครตั๊ก เพราะเขาจะบอกเราอยู่ตลอดว่า พี่ท๊อปตอนนี้ผมไม่มีงานเลย ซึ่งช่วงนั้นตัวพี่เองก็เล่นละครกับพี่กอบสุขอยู่ เลยเข้าไปคุยกับพี่กอบสุขให้ ซึ่งพี่กอบสุขก็โอเค และเรียกพี่โอมาร่วมงาน แต่ปรากฏว่าพี่โอก็ไปเบี้ยวคิวเขาอีก (หัวเราะ) พี่เลยไม่กล้าแนะนำให้ใครอีก และไม่กล้าไปต่อว่าเขาด้วย เพราะเดี๋ยวมันจะกลายเป็นว่าเราไปซ้ำเติมเขา”

ดุ๊ก : “สำหรับผมนะ ผมคิดว่ามันไม่เป็นอะไรหรอก เพราะเรื่องนี้มันจบไปแล้ว จบไปพร้อมกับชีวิตของโอนั่นแหละ แต่เราย้อนกลับมามองที่การจากไปของเขาที่ได้ให้คุณค่ากับเราดีกว่า เพราะเขาได้สอนเราแล้วว่าบทเรียนต่างๆ ในด้านลบที่เขาได้ทำเอาไว้ ถ้าหากเราทำอยู่ เราก็ควรที่จะหยุดและก็เลิกทำมันซะ”

ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่ของพี่โอ ท่านอายุเยอะแล้ว เราเป็นห่วงอะไรท่านบ้าง
ดุ๊ก : “จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ของผมก็ได้มีโอกาสโทรไปคุยอยู่บ้างนะครับ เพราะท่านเป็นเพื่อนกัน และตัวผมเองพอได้ฟังก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะโอก็เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวนี้”

ท๊อป : “แล้วแบบนี้ใครจะดูแลพ่อแม่เขาล่ะ”

ดุ๊ก : “ก็น่าจะเป็นพี่โน่ที่จะเป็นคนช่วยดูแลต่อไป และพี่โน่ก็คงจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือท่าน หรือพวกเราเองก็คงจะมีโอกาสร่วมกันในอนาคต แต่ตรงนี้เดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีกที ซึ่งสำหรับผม เชื่อว่าพี่โน่ก็คงจะดูแลพ่อแม่ และทำหน้าที่พี่ชายที่ดีต่อไป แม้วันนี้โอจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แม้ตัวเราอาจจะไม่ได้ใกล้ชิดโอเท่ากับพี่โน่ แต่ถ้าพี่โน่มีอะไรให้เราช่วย เราก็พร้อมจะช่วยอย่างเต็มที่ และเชื่อว่าทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเช่นกัน”

อย่างที่พี่ดุ๊กบอกว่า ชีวิตของพี่โอจะเป็นบทเรียนให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เรามีอะไรอยากจะฝากถึงแฟนๆ ที่ติดตามข่าวไหม
ดุ๊ก : “อย่างน้อยการจากไปของพี่โอก็มีคุณค่า เพราะพี่โอได้สอนบทเรียนให้กับเรา ให้เราได้แก้ไขข้อบกพร่องอะไรในชีวิตให้มันทันท่วงที ถึงแม้พี่โอจะรู้แล้ว และพยายามแก้ไขแล้ว แต่เวลามันไม่รอพี่โอ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน อย่ารอช้า ทำตั้งแต่วันนี้ครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน