วันที่ 5 ม.ค. ที่ ห้องบอลรูม โรงแรม โซฟิเทล โซ แบงคอก นักแสดงบู๊ระดับโลก จา-พนม ยีรัมย์ หรือ โทนี่ จา ให้สัมภาษณ์กับการโกอินเตอร์ครั้งสำคัญ ได้ร่วมงานกับ วิน ดีเซล และดอนนี่ เยน ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ xXx: Return of Xander Cage หรือ xXx (ทริปเปิ้ลเอ็กซ์) ทลายแผนยึดโลก ที่มีกำหนดฉายในไทย 19 ม.ค. นี้

โดย จา เผยว่า “สำหรับเรื่องนี้สนุกดีครับ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่เราเป็นคนไทยได้มีโอกาสร่วมเล่นหนังฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ ที่สำคัญที่สุดได้นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปเผยแพร่ตรงนั้น กับวิน ดีเซล และดอนนี่ เยน ก็ได้แลกเปลี่ยนมาเชี่ยลอาร์ตและมุมมองของภาพยนตร์ ทำยังไงจะพัฒนาหนังแอ๊กชั่นให้กับคนดูที่ตั้งตารอครับ มีสิ่งใหม่ๆ ความบันเทิงต่างๆ ที่เราใส่เข้าไปในภาพยนตร์ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีได้ไปร่วมเล่นกับดาราคุณภาพหลายๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็น วิน ดีเซล , ดอนนี่ เยน , ดีพิกา , คริส วู , รูบี้ โรส”

เรื่องนี้กับ Fast & Furious 7 บทบาทการแสดงของเราแตกต่างกันยังไง “แตกต่างครับ เพราะเขาอยากให้มันเปลี่ยนไป เปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องคอสตูม ด้วยคาแรกเตอร์ในเรื่องของผมจากที่เห็นในโปสเตอร์จะแตกต่างจากที่เคยเห็น ทรงผมโมฮอร์ค แสบๆ มีเพิ่มศิลปะการต่อสู้ที่ผสมกับปืน ใช้มวยไทยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ จะดูอินเตอร์ครับ”

แสดงว่าเรื่องนี้เราชูศิลปะแม่ไม้มวยไทยเต็มที่เลย “ครับ ต้องไปดูเลยครับ มันส์แน่นอน ผมเชื่อว่าถ้าคนที่ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะภาคภูมิใจว่าศิลปะแม่ไม้มวยไทยเกิดขึ้นเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลในหนังฟอร์มยักษ์ขนาดนี้”

สิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดในหนังเรื่องนี้ “ตื่นเต้นที่สุดคือการได้ร่วมงานกับวิน ดีเซล ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากหลายท่าน เจอดอนนี่ เยน ดาราที่เราชื่นชอบ ในระหว่างการทำงานมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เป็นมิตรภาพแบบเพื่อน ผมว่ามันวิเศษที่สุดเลยครับ และได้มีโอกาสพบปะโปรดิวเซอร์ทางสตูดิโอ ได้มีแนวทางที่จะทำหนังมีแมสเสจให้กับคนดูถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเราได้เอาวัฒนธรรมไทย การไหว้ นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากนำเสนอ เอาพระเครื่องเราไปให้เพื่อน”

มีส่วนร่วมในการออกแบบฉากบู๊ยังไง “ผมได้รับมอบหมายและถือว่าได้รับเกียรติจาก วิน ดีเซลและจากโปรดิวเซอร์ด้วย เพราะว่าเราอยากให้หนังออกมาเป็นสไตล์ของโทนี่ จา ยังมีกลิ่นของโทนี่ จาอยู่ มีมวยไทยเป็นเอกลักษณ์ เราไม่ทิ้งตรงนั้น ก็มีโอกาสได้ทำคิวบู๊ท่าใหม่ๆ ได้เทรนด์เทคนิคใหม่ๆ กับเพื่อนๆ ทีมงานและสตั๊นทุกคน เพราะว่าเขาเป็นแฟนหนังเราด้วยมันง่ายกับการดีไซน์ฉากแอ๊กชั่นมาก เราทำให้เขาหมดแล้ว”

ได้ถามวิน ดีเซลไหมว่าทำไมถึงเลือกเราเป็นหนึ่งในนักแสดง “เขาอยากสร้างหนังที่เป็นประวัติศาสตร์ เขาบอกว่าคุณรู้ไหมโทนี่คนดูรอดูเราอยู่ คุณมาจากเมืองไทยมีอะไรที่พิเศษให้กับคนดูไหม ผมก็บอกว่าผมมาจากเมืองไทยมีมวยไทย มีศอกกลับ รู้สึกภูมิใจที่มันเกิดขึ้นในหนัง”

หนังเรื่องนี้จากภาคแรก เหมือนหายไปถึง 15 ปี กลับมาครั้งนี้จะสมใจคนดูไหม “ก็เป็นของขวัญสำหรับปีใหม่ให้กับคนดูแน่นอน”

ได้นำศิลปะมวยไทยไปใช้ ทางหนังฮอลลีวู้ดพูดถึงยังไงบ้าง “แน่นอนว่าตอนนี้ทางหนังฮอลลีวู้ดสนใจคิดท่าทางการต่อสู้ของมวยไทยเกิดขึ้นบวกกับเทคนิคพิเศษใหม่ๆ โดยที่อาจจะไม่ใช่ผมเล่น เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดเล่น ผมว่าผมได้ไปจุดตรงนั้น ทำให้เกิดกับวงการ ทำให้เขามองเห็นถึงแม่ไม้มวยไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของคนไทย ได้ไปเผยแพร่ในโลกของภาพยนตร์ที่เป็นฟอร์มยักษ์และคนดูทั่วโลก เป็นการโชว์ให้เห็นถึงแม่ไม้มวยไทย ต้องบอกว่าหนังที่ผมไปเล่น คือ ห้องเรียนของผม นั่นคือการเรียนรู้การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการถ่ายทำ การใช้เทคโนโลยี การทำงานระบบทีม การทำงานระบบหนังฟอร์มใหญ่ขนาดนั้นที่เขาเอาอยู่ มันก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ที่หาเรียนในห้องเรียนไม่ได้ เราต้องไปลองเอง”

โกอินเตอร์ขนาดนี้ โอกาสที่จะกลับมาเล่นหนังไทย “ผมรักหนังไทย ที่จริงแล้วความเป็นหนังไทย มันสร้างผมขึ้นมา เราเกิดจากหนังไทยตรงนี้ที่ไปทะลุทะลวงถึงต่างประเทศ เรามีความเชื่อมั่น เราก็ไปเรียนรู้เทคนิคการทำงาน แล้วนำกลับมาพัฒนา อะไรที่เป็นเทคนิคดีๆ วิธีการทำงานดีๆ เราก็นำมาประยุกต์ใช้ เอาสิ่งที่ดีๆมาใช้ ไม่ลืมหนังไทย เราเกิดจากหนังไทย เพียงแต่ว่าเราต้องทำให้มันพัฒนา”

มีหนังติดต่อ ต่อจากนี้ไหม “เข้าไปทางนั้นจะเป็นระบบอัตโนมัติ เรามีเครดิตขึ้นทำเนียบแล้ว หนังเรื่องต่อไปก็จะมี”

เซ็นสัญญากับที่ไหนไหม “ตอนนี้มีคนดูแล ขอแค่นี้”

เรื่องนี้นักแสดงเอเชียเยอะ “ตอนนี้ทางนั้นเขากำลังจับตามองทางเอเชีย อย่างเช่นที่จีน ที่อินเดีย ตลาดเปิดแล้ว ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มากๆ ถือว่า หนังฮอลลีวู้ดตอนนี้มองตลาดเอเชีย และเป็นสิ่งที่เป็นนิมิตหมายอันดีนะที่ว่าเราจะพัฒนาหนังไทยให้เกิดขึ้น เราต้องช่วยกัน ช่วยเชียร์กัน เหมือนเชียร์บอล เชียร์มวย ให้มาดูว่า คนไทยก็มีฝีไม้ลายมือ ไม่แพ้ชาติใดในโลก”

เดินทางมาถึงตรงนี้พอใจหรือยัง “มันคือความภาคภูมิใจมาก ผมว่ามันเป็นสิ่งที่เราทำหนังให้เมืองไทยมันก็อีกระดับหนึ่งแล้ว แต่พอออกไป มันเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นผมว่ามันต้องก้าวต่อไป ถ้าเราไม่ก้าวต่อไป มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เอื้อกับเยาวชนคนไทยต่อไป เอื้อกับแฟนๆหนังที่ทุกคนรอชม” จา พนม กล่าว

 

Live เปิดใจ นักแสดงบู๊ระดับโลก
“จา พนม” โกอินเตอร์ครั้งสำคัญ ได้ร่วมงานกับ วิน ดีเซล และดอนนี่ เยน ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ xXx: Return of Xander Cage” ที่ ห้องบอลรูม โรงแรม โซฟีเทล โซ แบงคอก

โพสต์โดย Khaosod – ข่าวสด บน 4 มกราคม 2017

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน