ไทบ้านเดอะซีรีส์2.2 เจอหั่น! สมาคมผู้กำกับฯออกโรงเรียกร้องมาตรฐาน ขอดูกันเอง

วันที่ 21 พ.ย. ที่ห้อง Friend of Baac ชั้น 6 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย นำทีมโดย ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล นายกสมาคมฯ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว, อ๊อด-บัณฑิต ทองดี และ นุชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีภาพยนตร์เรื่อง “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2” ไม่ผ่านเซ็นเซอร์จากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เนื่องจากประเด็นความอ่อนไหวทางศาสนา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

โดย ปื๊ด-ธนิตย์ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากภาพยนตร์เรื่อง ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 มีปัญหาเรื่องการฉายรอบสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ที่โคราช ซึ่งเจ้าของหนังได้เตรียมงานไว้อย่างดีแล้ว แต่ว่าจำเป็นต้องเลื่อนออกไป สาเหตุมาจากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โดยกระทรวงวัฒนธรรม เบรกหนังเรื่องนี้เอาไว้ เพราะมีภาพที่นำเสนอเกี่ยวกับพระ ซึ่งดูแล้วไม่สำรวม ทางสมาคมเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ว่าท้ายที่สุดแล้วคนทำหนังอาจจำเป็นต้องพึ่งดวงหรือเปล่า ว่าจะต้องเป็นคณะกรรมการชุดไหน พวกตนเลยอยากจะถามหามาตรฐานด้วยส่วนหนึ่ง

นายกสมาคมผู้กำกับฯ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับหนังไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 เลยจำเป็นต้องออกมาเพื่อถามหาสิ่งที่หนังเรื่องนี้โดนพิจารณาในแบบที่พวกตนรู้สึกว่ามันเป็นประเด็นที่อ่อนมาก ถ้าหากจะใช้คำว่าพระไม่สำรวมแล้วทำให้ศาสนาถึงขั้นเสื่อมเสีย ตนมีความรู้สึกว่าควรจะให้เป็นเรตติ้งอะไร หรือจะไปเบรกหนังเรื่องนี้ด้วยฉากนี้เลย

“ในมุมมองของสมาคมฯ เพราะเจอเคสนี้เข้าไปก็ค่อนข้างเป็นห่วงในอนาคต ว่ามันยังจะต้องมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกไหมที่จะเกิดขึ้นกับหนังไทย และเป็นไปได้ไหมถ้าหากพวกเราจะเรียกร้องว่าขอมาตรฐานของการจัดเรตจากกระทรวงวัฒนธรรม ส่วนหนึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีการแก้กฎหมาย จริงๆ คนในอุตสาหกรรมเองก็ตระหนักดีว่าจะต้องมีส่วนในความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร ฉะนั้นถ้าเกิดพวกเราจะมาดูแลกันเองแบบทีวีก็คิดว่าน่าจะทำได้ และทำได้ดีด้วย” นายกสมาคมผู้กำกับฯ

ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับชื่อดัง กล่าวว่า พวกตนพูดกันมาหลายรอบแล้วเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการฯ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอยู่หลายเรื่อง ตรงนี้ตนอยากมองในเรื่องของระบบมากกว่า หากภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายออนไลน์ก็ไม่ต้องมีใครมาตรวจ หากไปฉายทีวีคณะกรรมการของภาครัฐบาลไม่เกี่ยวข้องเลย เพราะคนทีวีตรวจกันเอง แต่ถ้าเป็นฉายในโรงหนังกลายเป็นว่าต้องให้คณะกรรมการฯ ตรวจ สิ่งที่อยากพูดก็คือสิทธิของผู้สร้างงานและสิทธิของคนดูไม่ควรมีใครต้องมากลั่นกรอง ปล่อยให้เป็นโลกเสรี เพราะมีกฎหมายรองรับไว้หมดว่ามีสิทธิเสรีภาพในการที่จะสื่อสารอะไรในรูปแบบไหนก็ได้ จริงๆ ในแง่ของภาพยนตร์ไม่ต้องเป็นพระเพิ่งบวชใหม่ก็ได้ ต่อให้เป็นเจ้าอาวาสแล้วรู้สึกอย่างนี้เดินไปเคาะฝาโลงที่เมียตายก็ได้ ไม่ได้ผิดอะไร เรตสูงสุดคือ 20 เท่ากับว่าคนดูมีวุฒิภาวะสูงสุดแล้ว ตามที่ตกลงกันแล้วว่าเราจะจัดเรตภาพยนตร์กัน แต่ไม่ใช่ให้มีการเซ็นเซอร์หรือแบนกันแบบนี้

อ๊อด-บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับคนดัง กล่าวว่า จริงๆ ภาพที่นำมาให้ดูในวันนี้เป็นภาพเต็มซีน แต่ภาพที่มีปัญหาซึ่งคณะกรรมการฯ ให้ตัดทิ้งก็คือฉากที่พระรูปนี้ไปเคาะโลงศพและฟูมฟายต่อหน้าโลงศพ สิ่งที่ต้องมาคุยในวันนี้คือพวกตนอยากให้คณะกรรมการฯ มองที่บริบทของภาพยนตร์ จากภาคสองผู้ชายคนนี้เป็นหนุ่มไทบ้านที่เป็นเหมือนจิ๊กโก๋ต่างจังหวัด วันหนึ่งตัดสินใจมาบวชเพราะอกหักจากความรัก ในขณะที่บวชได้ประมาณ 2-3 เดือน ผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนคนนี้ก็มาเสียชีวิต ตนมีความรู้สึกว่าหากเป็นตัวเองก็คงจะฟูมฟายแบบนี้ เนื่องจากไม่ได้เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่บอกว่าจะต้องสำรวมขนาดนั้น พระรูปนี้ก็เช่นกันเป็นชาวบ้านธรรมดาพอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ฟูมฟายด้วยความคิดถึงคนที่จากไป ในทางบริบทแล้วมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่ใช่พระมหาที่บวชมาเปรียญ 9 แล้วควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่นี่คือเป็นพระบวชใหม่ ทั้งหมดนี้ทำให้ตนรู้สึกว่าการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ยังไม่มีมาตรฐาน ทางที่มีภาพยนตร์บางเรื่องมีฉากแรงกว่านี้ พระไม่สำรวมมากกว่านี้ก็ยังสามารถผ่านการพิจารณาได้ แต่ทำไม ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 ถึงไม่ผ่าน สิ่งที่ตั้งคำถามตอนนี้คือว่าถ้าผู้สร้างทำหนังเรื่องหนึ่งแล้วจะไปโดนคณะกรรมการฯ ชุดไหนพิจารณา ทัศนคติของคณะกรรมการชุดนั้นเป็นยังไง พวกตนไม่สามารถจะไปวัดหรือคาดเดาได้ มาตรฐานจริงๆ อยู่ตรงไหน ยังควรจะมีเรตการแบนหนังอยู่หรือเปล่า ณ วันนี้

นุชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ ผู้กำกับหนัง มะลิลา ซึ่งในหนังมีฉากที่เกี่ยวกับพระเช่นกัน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนขอพูดในมุมมองของผู้กำกับที่บางทีสังคมอาจจะตั้งคำถาม ว่าถ้าเกิดให้สิทธิเสรีภาพมากแล้วจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมหรือเปล่า ส่วนตัวคิดว่าน่าจะปล่อยให้พวกตนมีสิทธิเสรีภาพ และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเอง ตนก็เคยทำหนังที่มีประเด็นเกี่ยวกับพระ อย่างเรื่อง มะลิลา ชัดเจนว่าก่อนหน้าที่ตัวละครจะไปบวชก็มีความสัมพันธ์เป็นชายรักชาย แล้วตอนที่ไปบวชก็มีฉากที่จ้องศพและมีฉากที่ศพฟื้นขึ้นมาเป็นภาพคนรักสมัยเก่าที่เปลือยกายอยู่ และมีภาพที่พระรูปนี้กอดกับคนรักที่เป็นผู้ชายที่เปลือยกายอยู่นั้นด้วย ตอนที่ส่งภาพยนตร์เรื่องนี้ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาก็เป็นทิศทางที่ดี กองจัดเรตได้รับการแจ้งมาว่าตอนนี้นโยบายเปลี่ยนแล้ว พยายามที่จะไม่แบนภาพยนตร์โดยให้เป็นเรตที่สูงแทน ซึ่งคณะกรรมการฯ ที่ตรวจพิจารณาภาพยนตร์ มะลิลา ก็เข้าใจตัวภาพยนตร์เป็นอย่างดีว่าต้องการจะสื่ออะไร เลยรู้สึกแปลกใจว่าฉากของพระในหนังไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 ที่ดูเบามากจนเทียบกับภาพยนตร์ของตนไม่ได้เลย แต่ทำไมถึงไม่ผ่านการพิจารณา
“เรื่องมาตรฐานของคณะกรรมการก็ส่วนหนึ่ง ส่วนเรื่องความรับผิดชอบของผู้สร้างหนังต่อสังคม ซึ่งได้มีการจัดรอบพิเศษเชิญพระมาดูหนังเรื่องมะลิลา ในฉากนั้นที่ใดเล่าให้ฟังไปก่อนหน้า พระที่ได้ดูบอกว่ารู้สึกประทับใจมาก เพราะได้เล่าเรื่องให้สังคมได้เข้าใจพระมากขึ้น ว่าพระนี่ไม่ใช่เป็นรูปเคารพ แต่พระก็คือมนุษย์ปกติ เลยมองว่าการที่ทางภาครัฐให้อิสระกับผู้สร้างสรรค์ผลงานมันจะนำไปสู่ซึ่งความเข้าใจระหว่างกันมากกว่าที่จะเป็นความขัดแย้ง แต่ถ้าสังคมยังกังวลว่าอยากจะให้มีระบบคัดกรองควบคุมก็ให้เป็นทางฝั่งของคนในอุตสาหกรรมจัดการกันเอง น่าจะเกิดผลดีมากกว่า” ผู้กำกับเลือดใหม่กล่าว

ต่อข้อถามที่ว่า จริงไหมที่ทางผู้สร้าง “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2” เตรียมที่จะหั่นฉากที่มีปัญหาทิ้ง เพื่อให้หนังได้เข้าฉาย อ๊อด-บัณฑิต กล่าวว่า เชื่อว่าผู้สร้างทุกคนคงไม่อยากมีปัญหา เมื่อวางโปรแกรมฉายแล้วก็อยากจะฉายตามปกติ ตนก็ได้ข่าวมาเช่นกันว่าถ้าผู้สร้างและผู้กำกับยอมตัดฉากนี้ออกเพื่อจะได้เรต 18 ซึ่งในมุมของสมาคมผู้กำกับฯ มองว่านั่นเป็นเรื่องของผู้สร้างและผู้กำกับ แต่ที่มาตั้งโต๊ะแถลงกันในวันนี้ เพราะพวกตนมองในมุมของเสรีภาพสื่อ ถ้าหากมันมีเหตุการณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่พวกตนจะมีความคิดสร้างสรรค์ในมุมใหม่ๆ เนื้อหาหนังไทยก็จะจำกัดอยู่แค่ในมุมที่ทุกคนเห็น

ด้าน ปรัชญา ปิ่นแก้ว เสริมว่า ถ้าถามในมุมผู้กำกับเขาไม่อยากตัดอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาจะต่อสู้ต่อไปต้องมีขั้นตอน ซึ่งมันไม่ทันกับโปรแกรมจะต้องเข้าฉาย ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องฝืนจำใจทำ ตรงนี้จึงถือเป็นความเสียหายทั้งในเรื่องของธุรกิจและความรู้สึก แล้วก็เสียหายทางผลงานด้วย ฉากนี้เป็นฉากที่ได้อารมณ์มาก ถ้าผู้สร้างตัดทิ้งคนไทยก็จะได้ดูหนังที่ไม่ถึงอีกครั้ง ซึ่งมันหลายครั้งแล้ว

“ผมอยากฟังเสียงจากฝั่งของคณะกรรมการฯ ทุกชุดที่พิจารณา รวมถึงชุดนี้ด้วยที่เรียกว่าชุดที่ 1 ที่เป็นคนตรวจภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาอาจจะรู้สึกเหมือนพวกเราก็ได้ แต่ต้องจำใจต้องทำอย่างนั้นหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่ามีใครไปถามหรือให้โอกาสเขาได้พูดบ้างมั้ย หรือทางหน่วยงานนั้นคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาพูดออกสื่อ ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้ควรที่จะออกมา จริงๆ หนังเป็นสื่อที่ปลอดภัยกว่าคลิปข่าวต่างๆ ที่ออกมาสั้นๆ ด้วยซ้ำ เพราะไม่มีคำตอบและไม่เข้าใจคนทำด้วย แต่หนังเราเข้าใจคนทำ มีที่มาที่ไป และมีบทสรุป แต่ดันโดนควบคุม ผมงงมากกับคนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายพวกนี้ทำไมถึงไม่เข้าใจ” ผู้กำกับคนดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการแถลงข่าวมีการเปิดคลิปบางส่วนจากภาพยนตร์ “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2” ซึ่งมีฉากที่มีปัญหาให้กับสื่อมวลชนได้รับชมพร้อมกัน รวมถึงมีการนำฉากที่เกี่ยวกับพระจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ซึ่งมีพฤติกรรมที่ดูไม่สำรวมมากกว่า แต่กลับผ่านพิจารณา มาเปรียบเทียบกันให้เห็นถึงมาตรฐานในการพิจารณาของคณะกรรมการฯ อีกด้วย

นอกจากนี้ สุรศักดิ์ ป้องศร ผู้กำกับภาพยนตร์ “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2” ได้โพสต์ข้อความถึงฉากดังกล่าวที่ไม่ผ่านการพิจารณาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“ความในใจของผม กับฉากนี้
.
เราใช้เวลาถ่ายฉากนี้อยู่ 2 วัน เตรียมงาน 1 วัน เพื่อคาดหวังว่าอยากให้ฉากนี้มันฉากที่เศร้าที่สุดของเรื่อง
อยากให้เป็นฉากที่ทุกคนต้องร้องไห้ตามหรือรู้สึกกับมันได้มากที่สุด อยากให้เป็นฉากที่ประทับใจ
.
ถ้าไม่มีฉากนี้ในหนังแล้วถ้ามันจำเป็นต้องทำผมก็โอเค แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าหนังมันอาจจะไม่สมบูรณ์ตามที่หนังมันควรจะเป็นนะ…แค่เสียดายที่แฟนคลับทุกคนจะไม่ได้ดูมัน ดูฉากที่เราคาดว่ามันจะพีคสุดของเรื่อง
.
ในช่วงของการถ่ายทำกว่าจะถ่ายฉากนี้ได้เราต้องไปอ้อนวอนขอร้องเจ้าของบ้านให้เราได้จัดงานศพในบ้านเขา (ถ้าคนอีสานบางบ้านเขาจะถือว่ามันเป็นลางร้าย) เขาไม่อยากให้จัด เราก็พูดคุยจนเขาใจอ่อนยอมให้เราได้เซ็ตฉากนี้ถ่าย แต่มีข้อแม้ว่าหลังจากเสร็จแล้วเราต้องทำบุญบ้านให้เขา วันถ่ายวันแรก น้องๆ นักแสดงทุ่มเทมากอยากให้หนังออกมาแล้วให้แฟนคลับประทับใจ เพราะโจทย์ที่ผมให้ไปกับน้องต้า(พระเซียง)คือเราต้องทำให้ฉากนี้เศร้าที่สุดตั้งแต่ที่ทำภาคแรกจนถึงภาคนี้ มึงต้องทำให้ได้ ผมอยากเห็นน้ำตาพระเซียงที่ไหลออกมาแบบหน้านิ่งๆ เหมือนพยายามทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วค่อยๆ ฝืนตัวเองกลั้นไม่ให้ร้องไห้ แต่ยิ่งกลั้นยิ่งทำให้ใจเราสั่งให้เราร้องหนักขึ้นแล้วค่อยๆ เดินอย่างคนไม่มีสติ เขามาเคาะโลงศพเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วทุกอย่างมันต้องเรียวแล้วธรรมชาติที่สุดเสมือนว่ามันเกิดขึ้นจริง แต่แล้ววันนั้นน้องก็ทำไม่ได้ เราถ่ายจนเกือบถึงเที่ยงคืน เราได้ยกกองอีกครั้งน้องเล่นไม่ได้ตามที่เราอยากได้ วันที่ 2 เรามาลองกันอีกครั้งนึง ครั้งนี้ประทับใจมากน้องเล่นได้เกินคาด แต่หลังเล่นเสร็จน้องเข้ามาถามกับผมว่าเป็นไงผมเล่นดีไหม ผมบอกแค่ว่า ก็พอได้
.
*สาธุขอให้คณะกรรมการเห็นใจพวกเราและแฟนคลับชาวไทบ้านด้วยเถิด…อยากให้หนังไม่ต้องตัดอะไรเลย..แต่ถ้ามันจำเป็นต้องตัดจริงๆ ผมก็ยอม
#ไทบ้านเดอะซีรีส์2.2”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน